สงขลา เค้าเป็นจังหวัดใหญ่ของภาคใต้ แน่นอนว่าที่เที่ยวจังหวัดเค้าก็เยอะและชื่อเสียงเค้าก็โดดเด่นหลายอย่างมาก อย่างหาดใหญ่เองที่มีของกินเยอะมากและอร่อยขึ้นชื่อ หรืออย่างเมืองเก่าสงขลาที่มีสตรีทอาร์ทสวยๆ ให้เราตามรอยเก็บมากกว่า 10 จุด และแน่นอนว่า ชายหาดของเค้าก็ไม่ธรรมดา เพราะนอกจากสวย น้ำใสกิ๊งแล้ว เค้ายังมีแลนด์มาร์คอย่างรูปปั้นนางเงือกทอง ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของสงขลาไปเรียบร้อยแล้ว เอาล่ะ สงขลาเค้ามีของดีและเยอะขนาดนี้ มาเที่ยวภาคใต้ทั้งที จะขาดจังหวัดสงขลาไปได้อย่างไร ว่าแล้วก็อ่านรีวิวนี้ แล้วตามรอยไปเที่ยวกันได้เล้ย
ก่อนเราจะไปเที่ยวสงขลา เรามาทำความรู้จักกับจังหวัดนี้มากยิ่งขึ้นกันหน่อย สงขลา นั้นเป็นอีกหนึ่งเมืองประวัติศาสตร์ในภาคใต้ที่สำคัญและมีชื่อเสียงมากของไทยเลยนะ จังหวัดนี้เคยเป็นเมืองท่าและเมืองชายทะเลที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว แถมยังเป็นเมืองที่มีอารยธรรมเจริญรุ่งเรืองมากมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ เลยทำให้ที่นี่มีหลายๆ วัฒนธรรมรวมกันอยู่ทั้ง ไทย,จีน, มุสลิม และ ตะวันตก แถมยังเป็นจังหวัดที่มีแหล่งโบราณสถาน โบราณวัตถุ อีกมากมายเลยด้วย เลยทำให้ในปัจจุบันนี้สงขลาเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ ส่วนพื้นที่ของจังหวัดนี้ก็ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของภาคใต้เลยแหละ และยังเป็นจังหวัดที่โดดเด่นในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย เป็นจังหวัดที่น่าติดตามมากเลยละสิ
19 ที่เที่ยว – ร้านอาหาร – คาเฟ่ แนะนำในจังหวัดสงขลา
เมืองเก่าสงขลา ( Songkhla Old Town)
เริ่มต้นที่เที่ยวแรกของจังหวัดสงขลา ก๊อตขอเริ่มกับสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาด ก็คือ เมืองเก่าสงขลา ( Songkhla Old Town) เพราะว่าในพื้นที่ตรงนี้จัดเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบอาคารเก่า ร้านอาหาร คาเฟ่ และ สตรีทอาร์ท กว่าที่พื้นที่ตรงนี้จะมาเป็นสถานที่แลนด์มาร์คของเมืองสงขลาได้เนี่ยบอกเลยว่า บริเวณเมืองเก่านี้มีประวัติความเป็นมาและมีอายุยาวนานมากว่า 200 ปีเลยทีเดียว
ในสมัยอดีตตัวเมืองสงขลาจะอยู่ฝั่งด้านตะวันตกของทะเลสาบ ซึ่งเรียกว่า “เมืองสงขลาฝั่งแหลมสน” และต่อมาได้มีการขยายพื้นที่มาที่บริเวณฝั่งตะวันออก บริเวณตำบลบ่อยาง โดยในสมัยนั้นบริเวณนี้มีถนนอยู่ที่ 2 สายคือ ‘ถนนนครนอก’ เป็นถนนเส้นนอกติดกับทะเลสาบ ซึ่งใช้เป็นท่าเรือในการขนส่ง และค้าขายสินค้าต่างประเทศ ส่วนอีกถนนหนึ่งชื่อว่า ‘ถนนนครใน’ เป็นถนนเส้นในเมือง และต่อมาได้การตัดถนนสายที่ 3 เรียกว่าถนนเก้าห้องหรือย่านเก้าห้อง เพื่องานสมโภชเสาหลักเมือง ซึ่งก็คือ ‘ถนนนางงาม’ ในปัจจุบันนี่เอง
เนื่องจากบริเวณนี้เคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญสมัยก่อน เมืองสงขลาก็เลยได้รับวัฒนธรรมที่หลากหลายเชื้อชาติมาผสมผสานกัน ทำให้ในปัจจุบันวัฒนธรรมเหล่านั้นก็ยังคงหลากหลายอยู่เช่นเดิม สังเกตได้จากตัวสถาปัตยกรรม ส่วนมากอาคารในระแวกนี้ยังคงรูปแบบของเป็นห้องแถวไม้แบบจีนโบราณของชาวจีนฮกเกี้ยน, ตึกที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะอาร์ตเดโค – อาร์ตนูโว และอาคารไทยมุสลิมที่ตกแต่งด้วยไม้ฉลุลายรวมทั้งอาคารโคโลเนียลที่ผสมผสานระหว่างศิลปะจีนและท้องถิ่นไว้
เมืองเกาสงขลา ไม่ได้โดดเด่นแค่สถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่เรื่องอาหารที่นี่ก็เด่นเช่นกัน เนื่องจากอาหารที่ได้ได้รับอิทธิพลมาจากหลายๆ วัฒนธรรม ไม่ว่าจะจีน, มุสลิม และตะวันตก ทำให้อาหารที่นี่มีไม่ซ้ำใครแน่นอน ใครที่จะมาย่านนี้ก็อย่าพลาดที่จะแวะหาของกินที่ขึ้นชื่อของที่นี่ไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีมโอ่ง, ขนมไข่เตาถ่าน, โรตีนางงาม, โจ๊กเกาะไทย และขนมไทยโบราณ คือมันดีมากและอร่อยทุกอย่างเลยจริงๆ ก๊อตรับประกันได้
สำหรับการมาเที่ยวเมืองเก่าสงขลานั้น มีกิจกรรมหลากหลายให้เราทำเยอะมากเหมือนกันนะ ไม่ว่าจะการตามรอยกินร้านอาหารชื่อดัง เดินเล่นชิลๆ ในเมือง ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมของตึกรามบ้านช่อง หรือแม้แต่การตามล่าสตรีทอาร์ทนั่นเอง ใครจะเลือกทำอะไรก็แล้วแต่ความชอบเล้ย ส่วนตัวก๊อต เป้าหมายหลักคือการมาเก็บสตรีทอาร์ทอันเลื่องลือของสงขลาเค้านั่นเอง
สตรีทอาร์ทเมืองเก่าสงขลา
หลายคนอาจจะสงสัยว่า สตรีทอาร์ทสงขลา เค้ามีอะไรโดดเด่น ถึงต้องมาตามเก็บขนาดนั้นเลยหรอ ก๊อตขอตอบก่อนเลยว่า ‘มากกกก มันดีมากจนต้องมาเว้ย’ เพราะสตรีทอาร์ทของเมืองเก่าสงขลา ( Songkhla Old Town) นั้นไม่เหมือนใครที่ไหน โดยจุดเด่นของ สตรีทอาร์ทเมืองเก่าสงขลา ถูกนำเสนอภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนนี้ ภาพบุคคลที่ปรากฎอยู่บนสตรีทอาร์ทก็เป็นภาพของชาวบ้านจริงๆเลยนะ ซึ่งผลงานเหล่านี้เป็นผลงานของศิลปินท้องถิ่น ทำให้ภาพที่ถูกวาดออกมานั้น ถ่ายทอดออกมาได้ดีและมีเรื่องราวความเป็นออริจินอลของคนย่านนี้ได้มากเลยทีเดียว
ภาพสตรีทอาร์ทนั้นมีทั้งหมด 15 จุด ซึ่งแต่ละจุดก็กระจายไปตามสถานที่และร้านค้าต่างๆ ตอนที่ไปก๊อตไปตามลายแทงนี้ ซึ่งเป็นแผนที่ของสำนักงานเทศบาลนครสงขลาจัดทำไว้เพื่อให้เห็นแสดงว่าสตรีทอาร์ทอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ซึ่งเค้าทำไว้ได้โคตรดีเลยแหละ (สำหรับใครที่อยากได้ภาพใหญ่สามารถ คลิกลิ้งก์ นี้ได้เลย)
ถ้าสังเกตจากแผนที่ก็จะเห็นว่าสตรีทอาร์ทนี่มีกระจายอยู่ตามถนนทั้ง 3 สายของย่านเมืองเก่าสงขลาเลย อย่างเส้น ถนนนครนอก ภาพสตรีทอาร์ทที่ถือว่าเป็นภาพยอดฮิตเลยต้องยกให้ภาพ ‘ร้านกาแฟรถเข็น’ ซึ่งร้านที่ว่านี้คือร้านโกตุ้นเจ้าเก่า คนในภาพก็คือคนในชุมชนจริงๆ เลย ก๊อตว่าภาพนี้เป็นภาพที่ดีมากเลยเพราะมันทำให้เห็นวิถีชีวิตของคนในชุมชนสงขลาได้เป็นอย่างดีเลยแหละ คิดภาพตามว่าตอนเช้าตื่นมานั่งดื่มกาแฟร้อนๆ และได้นั่งคุยอัพเดทชีวิตกับคนอื่นๆ เป็นบรรยากาศที่หาได้ยากในสมัยนี้ที่โซเชียลมีเดียเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตเรามากขึ้น
นอกจากนี้บริเวณถนนนครนอกยังมีอีกหลายๆภาพเลย เช่น ‘ภาพเรือประมง’ ที่สะท้อนภาพเรือหาปลาในสมัยก่อนไว้ได้เหมือนของจริงมากทีเดียว รวมถึงภาพ ‘ภาพอาแปะยื่นหมวกกันน็อกจากประตูบานเฟี้ยม’ ที่วาดไว้อยู่หน้าร้านขายหมวกกันน็อก ซึ่งบริเวณนี้ก็จะมีพี่ๆวินมอเตอไซด์รับจ้างอยู่กันเยอะ ภาพนี้ก็จะเล่าถึงความห่วงใยและใส่ใจของคนในชุมชน การดูแลซึ่งกันและกันระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่
ไปต่อกันที่ ถนนนครใน กันบ้าง ภาพที่สะท้อนภาพวิถีชีวิตของชาวจีนเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ทุกเย็นหลังจากที่ปิดร้านค้าแล้ว ชาวจีนมักจะมานั่งพักผ่อนที่หน้าบ้าน บางคนก็หยิบเครื่องดนตรีมานั่งเล่นเพื่อผ่อนคลาย และเป็นการย้อนรำลึกถึงบ้านเกิดที่ได้ห่างมาไกล สังเกตได้จาก ‘ภาพคุณยายชาวจีนนั่งหน้าบ้าน’ ( จริงๆมีภาพของคุณตาด้วยแต่ก๊อตไม่ได้ถ่ายมา 😅 ) และนี่อาจเป็นเหตุผลที่บางบ้านเค้าก็จะมีเก้าอี้วางไว้หน้าบ้านตั้งไว้เพื่อให้มานั่งถ่ายรูปและมานั่งพักผ่อนด้วยในเวลาเดียวกัน
แถวๆ ถนนนางงาม มีภาพที่ก๊อตชอบมากเพราะคอนเซ็ปของภาพค่อนข้างน่ารักปนตลกด้วยคือ ‘ภาพหมี่ผัดเสี่ยงโชค’ คือเป็นภาพร้านขายบะหมี่ผัดรถเข็น ที่มีลูกค้าต่อแถวและรออย่างใจจดใจจ่อ ที่ชื่อว่าเป็นหมี่ผัดเสี่ยงโชคนี่เพราะว่าโดยปกติร้านหมี่ผัดแบบนี้จะใช้กระทะใบใหญ่แล้วผัดทั้งเส้น เต้าหู้ ลูกชิ้น เนื้อหมูไปพร้อมกันทั้งหมด แต่ตอนตัดแบ่งใส่จานนี่สิ ใครโชคดีก็จะได้เครื่องเยอะนั่นเอง 555555
นอกจากถนน 3 เส้นหลักแล้ว ตามถนนเส้นรองอย่างเช่น ถนนรามัญ, ถนนยะหรั่ง และ ถนนหนองจิก ก็มีภาพสตรีทอาร์ทปรากฎอยู่ตามอาคารต่างๆ เช่นกัน ทุกจุดสามารถเดินไปเก็บได้เลยนะ เพราะมันไม่ได้อยู่ไกลกันเท่าไหร่เลย
สำหรับก๊อตแล้วภาพสตรีทอาร์ทของเมืองเก่าสงขลานี่ทำออกมาได้ดีมาก ก๊อตรู้สึกสนุกและมีความสุขมากกับการที่เดินเก็บภาพสตรีทอาร์ทสวยๆ พร้อมทั้งซึมซับบรรยากาศความเป็นเมืองเก่าไปพร้อมกับการเรียบรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิต และความเป็นกันเองของคนในชุมชนนี้ผ่านภาพวาด การได้มาเดินอะไรแบบนี้ทำให้เราได้เห็นหลายๆ มิติของที่นี่เยอะขึ้นมากเลย และก๊อตว่าย่านเมืองเก่าสงขลาเนี่ยเป็นย่านที่มีภาพสตรีทอาร์ทที่ชอบที่สุดที่ก๊อตเคยได้เห็นมาในประเทศไทยเลย
บ้านนครใน เมืองสงขลา
บ้านนครใน เป็นบ้านโบราณอายุกว่า 100 ปี ที่ตั้งอยู่บริเวณเส้นถนนนครใน เป็นอาคารชุด 2 หลัง ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนดั้งเดิม และอาคารสีขาวสร้างใหม่ในสไตล์ยูโรเปี้ยน ที่ถูกแปลงสภาพให้เป็นพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมท้องถิ่นโดยคุณ กระจ่าง จารุพฤกษ์พันธ์ นักธุรกิจและอดีตสมาชิกวุฒิสภาสงขลา ที่ตั้งใจจะทำให้ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เล่าถึงเมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีตอย่างเมืองสงขลาไว้อย่างละเอียด รวมถึงตั้งใจให้เห็นแหล่งบันทึกประวัติศาสตร์ศิลปะ วัฒนธรรม และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสงขลา
ข้างในก็จะมีของเก่าเก็บสะสมมาจัดแสดง เช่น แจกัน จานชามแบบจีนตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง, โต๊ะและเก้าอี้จีนแบบดั้งเดิม, เตียงตั่งจีนโบราณ และยังมีโซนที่จัดแสดงภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไว้ด้วย
ก๊อตคิดว่าที่นี่มีความโดดเด่นในเรื่องของสถาปัตยกรรมมาก ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของจีนหรือยุโรปก็ทำออกมาได้ดีและลงตัวมาก ส่วนภายในนั้นก็เป็นลักษณะเหมือนบ้านโบราณ ให้เราได้เข้าไปชื่นชมความสวยงามแหละ ตอนนั้นก๊อตแวะเข้าไปแล้วเปิดให้ชมได้แค่บางส่วนถ้าใครมีเวลาจะแวะไปดูก็ไม่เสียหายอะไร เพราะอย่างใครที่แวะมาที่นี่จะได้เห็นอาคารบ้านเรือนที่เรียกได้ว่าเป็นแบบดั้งเดิมจริงๆ ของเมืองสงขลาเลยแหละ
โรงสีแดง หับ โห้ หิ้น
นอกจากสตรีทอาร์ทแล้ว ในตัวเมืองเก่าสงขลายังมีโรงสีข้าวเก่าแก่ที่มีอายุร่วม 100 ปี ที่โดดเด่นสะดุดตาด้วยอาคารสีแดงทั้งหลัง ชาวบ้านเค้าก็เลยเรียกกันว่า “โรงสีแดง” ซึ่งที่นี่นั้นถูกเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชมด้วยนะ
สำหรับประวัติของที่นี่นั้น ต้องย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2457 เมื่อรองอำมาตย์ตรีขุนราชกิจการี หรือ จุ่น เลียง ลิ้วเสาวพฤกษ์ ได้เปิดโรงสีข้าวขนาดใหญ่ ชื่อ “หับ โห้ หิ้น” ซึ่งถือว่าเป็นโรงสีข้าวที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในยุคนั้นเลยนะ โดยที่นี่จะรับสีข้าวจากพื้นที่ปลูกข้าวรอบทะเลสาบสงขลา และสามารถผลิตข้าวสารจำนวนมากเพื่อที่จะขายให้ประชาชนในสงขลาและจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย
“หับ โห้ หิ้น” ในภาษาจีนฮกเกี้ยน หมายถึง ความสามัคคี ความกลมเกลียว และ ความเจริญรุ่งเรือง
ในสมัยก่อนตัวเมืองสงขลาเนี่ย สามารถที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับตระกูลจีนหลายตระกูล โดยการไปทำการค้ากับเมืองปีนัง เลยทำให้มีกิจการโรงสีข้าวเกิดขึ้นเพื่อรองรับผลผลิตข้าวจากกลุ่มลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
ถ้าใครไปเยี่ยมชมที่ โรงสีแดง หับ โห้ หิ้น ในปัจจุบันจะเห็นว่าด้านหลังเป็นเหมือนท่าที่ไว้จอดเทียบเรือประมง นั่นเป็นเพราะในช่วงปี พ.ศ.2490 ได้มีกิจการโรงสีข้าวขนาดเล็กเพิ่มขึ้นที่เมืองรอบๆ ทำให้ปริมาณข้าวเปลือกนั้นน้อยลง จนต้องยุติกิจการโรงสีข้าวในที่สุด แล้วมาทำกิจการอื่นแทน ไม่ว่าจะเป็นกิจการโรงน้ำแข็งขนาดเล็ก, โกดังเก็บยางพารา และต่อมากิจการก็เกิดมีปัญหาเข้ามาอีก ทำให้ต้องหยุดกิจการแล้วเปลี่ยนมาทำเป็นท่าเทียบเรือประมงขนาดเล็กแทนนั่นเอง
แต่ถึงแม้ว่าที่นี่จะเปลี่ยนกิจการต่างๆ นานา แต่ที่นี่ก็ยังถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของถนนนครนอกอยู่ดี แถมยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเมืองสงขลาอีกด้วย ไม่ว่าใครที่มาสงขลาก็จะต้องแวะมาถ่ายรูปที่โรงสีแดงนี้อย่างแน่นอน ก๊อตรู้สึกว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ที่นี่น่าสนใจเป็นเพราะว่าที่นี่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะลูกหลานของตระกูลนี้ช่วยกันดูแลและรักษาโรงสีแดงไว้เป็นอย่างดี และยังคงความสมบูรณ์ให้อยู่ในสภาพเดิมจนได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่นประจำปี พ.ศ. 2554 ประเภทอาคารพาณิชย์จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
ในปัจจุบันพื้นที่ตรงนี้อยู่ภายใต้การดูแลของทายาทรุ่นที่ 3 ได้เปลี่ยนโรงสีข้าวให้มาเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการถาวรเพื่อเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองเก่าสงขลาไว้ทั้งหมด ส่วนพื้นที่ด้านหลังตัวโรงสีเองก็ยังใช้เป็นสถานที่จอดเรือประมงของชาวบ้าน ทำให้ก๊อตรู้สึกว่าที่นี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ได้ทำให้เห็นภาพทั้งหมดของย่านเมืองเก่าในแง่ของเศรษฐกิจ และ สะท้อนถึงวิถีชีวิตของชาวสงขลาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราสามารถเข้ามาเดินเล่นได้ ถ่ายรูปก็สวย และยังเป็นอีกบรรยากาศของเมืองเก่าที่แตกต่างออกไปนั่นเอง ซึ่งที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของย่านนี้เล้ย
ร้านขนมหวานแพรวา
เดินถ่ายรูปเล่นรอบ โรงสีแดง หับ โห้ หิ้น สักพักก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายขาดน้ำตาล พอเดินออกมาเห็นป้ายร้านขนมหวานแพรวา ใหญ่เตะตามาก เลยต้องรีบแวะไปนั่งพัก หาของหวานเข้าร่างกายสักหน่อย
ร้านนี้เค้ามีเมนูแนะนำคือ ‘ลอดช่องวัดเจษ’ ใช่แล้วจ้า ลอดช่องวัดเจษในสงขลา ดูงงๆ แต่ลงตัวสุดๆ เพราะที่นี่ไม่ใช่ลอดช่องราดน้ำกะทิธรรมดา แต่ว่าสามารถเพิ่มท็อปปิ้งลงไปในถ้วยได้ด้วย และท็อปปี้งเค้ามีให้เลือกหลายหลายเลย ไม่ว่าจะเป็น เผือก, แตงไทย, ลูกชิด, มันเชื่อม และอีกสารพัดเลย
ส่วนเมนูที่ก๊อตเลือกเป็นลอดช่องวัดเจษทานคู่กับไอศกรีมกะทิ ตัวลอดช่องนิ่มๆ ทานคู่กับไอศกรีมเย็นๆ ราดน้ำกะทิได้ตามใจชอบ ตักเข้าปากไปคำแรกคือฟินมากก ความเหนื่อย ความร้อนที่มีมาเมื่อกี้คือหายไปเลย และนอกจากลอดช่องแล้วเค้าก็ยังมีเฉาก๊วยและเมนูเครื่องดื่มต่างๆ ไว้บริการด้วยล่ะ
ใครที่ไปที่โรงสีแดง หับ โห้ หิ้นแล้วอยากจะหาที่นั่งชิลๆ แถวนั้น ก๊อตก็ขอแนะนำว่าให้มาที่ร้านขนมหวานแพรวา มาทานขนมหวานและเครื่องดื่มเย็นๆ ทั้งคลายร้อน ทั้งสดชื่นมากเลยยย
หาดสมิหลา
เค้าว่ากันว่า ‘ใครมาถึงสงขลาแต่ไม่มาหาดสมิหลาถือว่ามาไม่ถึง’ ไหนๆ ก๊อตก็มาสงขลาทั้งทีก็ขอไปหาดสมิหลาบ้างแล้วกันว่าจะมีอะไร ซึ่งตอนแรกก๊อตน่ะไม่ได้คิดหรือหวังมากกับหาดสมิหลา แต่พอมาได้เห็นของจริงแล้ว อยากจะบอกว่าโคตรเซอร์ไพรส์เลย 55555555
หาดสมิหลา ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากของจังหวัดสงขลาเลยนะ จากบริเวณนี้สามารถที่จะมองเห็นวิวของเกาะหนูเกาะแมวได้เลย แถมยังมีทรายละขาวละเอียดที่เรียกกันว่าเป็นทรายแก้ว ซึ่งบรรยากาศที่นี่ทำให้ก๊อตรู้สึกเซอไพรซ์มาก บรรยากาศมันจะไม่ได้เป็นทะเลแบบที่ทุกคนตั้งใจมาเพื่อเล่นน้ำอ่ะ ก๊อตว่ามันมีความเป็นทะเลและสวนสาธารณะรวมกัน เพราะที่นี่คือสะอาดและเป็นระเบียบมาก มีการจัดโซนทำโต๊ะและที่นั่งเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มานั่งพักผ่อน ทานอาหาร พูดคุยกันได้ บริเวณโดยรอบของหาดสมิหลามีการทำทางเดินเลียบชายด้วย แถมยังร่มรื่นมากด้วย เหมาะสำหรับการมานั่งพักผ่อนชิลๆ ที่สุดเลย
ไฮไลท์สำคัญของ หาดสมิหลา คือรูปปั้น 2 ชิ้นที่อยู่บริเวณนั้น คือ รูปปั้นนางเงือกทอง และ รูปปั้นหนูกับแมว ซึ่งแต่ละชิ้นก็จะมีที่มาที่ไปที่น่าสนใจมากๆด้วย
หากคนพูดถึงหาดสมิหลา นี่เชื่อว่าหลายคนน่าจะนึกถึง รูปปั้นนางเงือกทอง ที่ถือเป็นแลนด์มาร์คของหาดนี้ไปเรียบร้อยแล้ว โดยหลายคนที่ได้มาเที่ยวที่นี่ ต่างคนก็ต่างต้องไปถ่ายรูปคู่กับนางเงือกนี่แหละ
สำหรับ รูปปั้นนางเงือกทอง ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ที่หาดสมิหลานั้น ถูกหล่อขึ้นด้วยบรอนซ์รมดำ ซึ่งสร้างขึ้นมาประมาณ 50 กว่าปีได้แล้วนะ (นานม๊ากก) สร้างขึ้นตามนิยายปรัมปราของไทยโบราณ ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธ์) ที่เล่าไว้ว่า วันดีคืนดีก็มีนางเงือกนางหนึ่งมานั่งใช้หวีทองคำหวีผลอยู่ที่ชายหาด แต่มีชาวประมงคนนึงดันไปเห็น นางเงือกก็ตกใจมาก รีบหนีลงทะเลไปทิ้งหวีทองคำไว้ที่ชายหาด ชาวประมงเห็นก็เลยเก็บหวีนั้นไว้รอว่าจะได้เจอนางเงือกอีก แต่นางเงือกก็ดันไม่ยอมกลับมาอีกเลย และนี่ก็คือที่มาของรูปปั้นนางเงือกสีทองนี่เอง แถมคนที่นี่ก็ได้ตั้งให้วันที่ 1 เมษายน ของทุกปีเป็นวันเกิดของนางเงือกสีทองอีกด้วย
รูปปั้นหนูกับแมว นั้นเป็นรูปปั้นที่แทนเกาะหนูและเกาะแมว ซึ่งมีตำนานเล่าว่ามีพ่อค้าชาวจีนโล้สำเภามาค้าขายสินค้าที่สงขลาอยู่บ่อยๆ แกก็โล้สำเภามาคนเดียวอะเนอะ ไปๆ กลับๆ ก็คงเหงาน่าดู วันหนึ่งแกก็ซื้อหมากับแมวลงเรือกลับไปจีนด้วย แต่หมากับแมวก็เบื่อคิดถึงบ้านที่สงขลาขึ้นมาซะอย่างนั้น มันก็เลยวางแผนว่าจะกลับบ้านกันโดยใช้หนูไปขโมยลูกแก้ววิเศษที่จะไม่ทำให้จมน้ำมาจากพ่อค้า พอขโมยมาได้หนูขอหนีขึ้นฝั่งไปด้วย สัตว์ทั้ง 3 ตัวก็เลยรีบหนีลงน้ำ โดยมีหนูคาบลูกแก้วไว้ในปาก แล้วหนูก็เกิดความคิดที่จะหนีเพราะกลัวหมากับแมวจะแย่งลูกแก้วไป แต่แมวก็ดันคิดแบบเดียวกับหนู มันก็เลยว่ายน้ำตามไป หนูหันไปเจอแล้วตกใจมากก็เลยทำลูกแก้วตกน้ำ พอไม่มีลูกแก้วแมวกับหนูเลยจมน้ำตายอยู่ตรงนั้นกลายเป็นเกาะหนูและเกาะแมว
ส่วนน้องหมานี่น่าสงสารสุดๆ เกือบจะรอดอยู่แล้วเชี่ยว น้องตะเกียกตะกายว่ายน้ำไปจนถึงฝั่ง แต่ด้วยความที่น้องเหนื่อยมากน้องก็เลย ทิ้งตัวกลายเป็นหินบริเวณเขาตังกวนอยู่ริมอ่าวสงขลา ส่วนลูกแก้วที่ตกน้ำไปนั้นแตกละเอียดกลายเป็นหาดทรายแก้วอยู่ทางด้านเหนือของแหลมสนแทน
สรุป หาดสมิหลาสำหรับก๊อตแล้วที่นี่เป็นหาดที่กว้าง สงบมากและมีระบบการจัดการที่ดีมากกกกกก อันนี้ประทับใจสุด ทั้งในแง่ของการแบ่งสัดส่วนสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะ โต๊ะเก้าอี้สาธารณะ สวนหย่อม ทางเท้าต่างๆ แถมร้านค้ารถเข็นที่มาขายของก็อยู่กันเป็นระเบียบมาก ก๊อตรู้สึกว่าหาดสมิหลาเป็นอีกสถานที่ในจังหวัดสงขลาที่ทำให้ก๊อตรู้สึกประทับใจได้มากเลยทีเดียว ยังไงหากใครที่มาเที่ยวสงขลาแล้วอย่าลืมมาเที่ยวหาดสมิหลาด้วยน้า
หาดใหญ่
หาดใหญ่ สงขลา เมืองที่ถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เก๋ไก๋ด้วยตัวเมืองที่ใหญ่โต ของกินอร่อยโคตรเยอะ ที่เที่ยวก็เยอะ และยังมีมหาวิทยาลัยประจำจังหวัดอย่าง มอ. เค้าอีกด้วย ซึ่งถ้าใครไม่เคยไปเที่ยวเมืองหาดใหญ่ล่ะก็ ก๊อตแนะนำให้เราไปเที่ยวซักครั้งแล้วจะติดใจ เพราะทุกอย่างของหาดใหญ่คือลงตัว และมาครั้งเดียวไม่เคยพอแน่นอน
สำหรับทริปเที่ยว ‘หาดใหญ่’ จังหวัดสงขลา ของก๊อตทริปนี้ ก๊อตเที่ยวแบบเต็มวัน โดยเก็บที่เที่ยวทั้งหมดตามลิสด้านล่างนี้ พร้อมนอนค้างคืนที่หาดใหญ่อีก 1 คืนเนอะ ทั้งหมดคือเที่ยวได้ง่ายแบบสบายๆ ชิลๆ เพราะที่เที่ยวแต่ละแห่งอยู่ใกล้กัน สามารถขับรถเที่ยวได้สบายและสนุกมากเลย ฮ่า
สวนสาธารณะหาดใหญ่ + พระพุทธมงคลมหาราช (เขาคอหงส์)
ที่เที่ยวแรกในหาดใหญ่ที่ก๊อตมาก่อนใครเพื่อนเลยคือ สวนสาธารณะหาดใหญ่ โดยเราจะขับรถขึ้นมายังส่วนของเขาคอหงส์ที่มี พระพุทธมงคลมหาราช ประดิษฐานโดดเด่นสวยงามอยู่ โดยองค์พระพุทธมงคลมหาราชที่เห็นนี้ถือพระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ด้วยความสูงขนาด 19.9 เมตร ซึ่งถูกออกแบบโดยศิลปินแห่งชาติ ‘ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรี’ และชื่อ ‘พระพุทธมงคลมหาราช’ ได้รับพระราชทานจากในหลวง ร.9 อีกด้วย ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจเลยที่พระพุทธรูปองค์นี้จะเป็นที่เคารพและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธในหาดใหญ่มากๆ เลยแหละ
ด้านหน้าขององค์พระพุทธมงคลมหาราช ยังเป็นทางเดินลง ที่เราสามารถเดินต่อไปยังพระโพธิสัตว์กวนอิมนครหาดใหญ่ได้ และตรงนี้ เราสามารถมองดูวิวของเมืองหาดใหญ่ได้อย่างสุดลูกหูลูกตาได้อีก โชคร้ายไปนิดในวันที่ก๊อตไปเที่ยวนั้น หมอกหนามาก ทำให้ไม่ได้เห็นอะไรมากเท่าไหร่ สงสารรร 5555
เคเบิ้ลคาร์หาดใหญ่ + ศาลท้าวมหาพรหม (เขาคอหงส์)
ด้านข้างขององค์พระพุทธมงคลมหาราช ยังเป็นที่ตั้งของเคเบิ้ลคาร์หาดใหญ่ ที่ถือเป็นกระเช้าลอยฟ้าแห่งแรกของประเทศไทยเลยนะเออ ซึ่งกระเช้าอันนี้ เราสามารถนั่งข้ามไปยังเขาอีกรูปที่มี ‘ศาลท้าวมหาพรหม’ ตั้งอยู่ ซึ่งท้าวมหาพรหมที่นี่ เชื่อกันว่าเป็นศาลที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในประเทศไทย และยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่ชอบมากราบไหว้ขอพระมากๆ นั่นเอง ดังนั้น ถ้าใครมาที่นี่แล้วเจอคนต่างชาติเยอะๆนั้น ไม่ต้องแปลกใจเลยเด้อ
⚡️ ราคาค่าขึ้นเคเบิ้ลคาร์หาดใหญ่ อยู่ที่คนละ 100 บาท แบบไป-กลับ ถือว่าราคาไม่แพงนะเว้ย (เมื่อเทียบกับเคเบิ้ลคาร์ต่างประเทศ) และถึงแม้ระยะทางเคเบิ้ลมันจะไม่ได้ไกลมาก แต่มันก็เพลินๆ ดูวิวเมืองหาดใหญ่สวยๆได้อยู่ ส่วนใครที่อยากไปศาลท้าวมหาพรหม แต่ไม่อยากนั่งเคเบิ้ลคาร์ เราสามารถขับรถไปได้เช่นกัน
วัดเจ้าแม่กวนอิมนครหาดใหญ่ (เขาคอหงส์)
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสวนสาธารณะหาดใหญ่บนเขาคอหงส์ยังไม่หมด ที่นี่ยังมี วัดเจ้าแม่กวนอิมนครหาดใหญ่ ที่เป็นที่ตั้งของรูปปั้นหยกเจ้าแม่กวนอิมขนาดความสูง 9.9 เมตร ที่ถือว่าเป็นรูปปั้นหยกขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แกะสลักโดยช่างชาวจีนในมณฑลเห่ยเป่ย และถูกส่งตรงมาจากประเทศจีนโดยเฉพาะ ตั้งเด่นตระหง่านกลางเมืองหาดใหญ่บนทำเลที่ฮวงจุ้ยดีที่สุดนั่นเอง
เอาจริงๆ รูปปั้นหยกเจ้าแม่กวนอิมสวยมาก แต่วิวเมืองหาดใหญ่ที่เราสามารถมองจากวัดเจ้าแม่กวนอิมก็สวยมากเช่นกัน นอกจากนี้ ภายในวัดเจ้าแม่กวนอิมยังมีทางเดินที่ประตูเป็นปากมังกรสีทองอร่ามสวยงามด้วยนะ ถ่ายรูปคือปัง โดยประตูนี้เราสามารถผ่านเพื่อเข้าไปกราบไหว้และขอพรกับ พระสังกัจจาย ได้อีกด้วย ทางเดินตรงนี้เองที่เราสามารถเดินเชื่อมไปยังด้านบนที่เป็นตั้งของ พระพุทธมงคลมหาราช ที่เราไปเที่ยวมาแล้ว ใครที่ชอบและขยันเดิน สามารถเดินตามเส้นทางเค้าได้เล้ย
อ่างเก็บน้ำรูปหัวใจ มอ.
ขับรถผ่าน มอ. หรือ หรือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ถ้าว่างๆ ก๊อตแนะนำให้เราขับรถเข้าไปด้านในมหาลัยเพื่อไปเที่ยว อ่างเก็บน้ำรูปหัวใจ ด้านใน เพราะว่าอ่างเก็บน้ำนี้สวยจริงด้วยวิวอ่างเก็บน้ำและเขาคอหงส์ด้านหลัง ทำให้หลายคน ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาและบุคคลทั่วไป มักจะชอบมาเดินเล่น วิ่งออกกำลังกาย หรือแม้แต่มาถ่ายรูปเล่นตอนเช้าๆ หรือเย็นๆ นั่นเอง บรรยากาศโคตรดีย์!
สำหรับคนนอกที่ขับรถมาเที่ยว อ่างเก็บน้ำรูปหัวใจ มอ. ก๊อตแนะนำให้เราไปจอดรถที่ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งหลังตึกเค้ามีที่จอดรถค่อนข้างเยอะอยู่ จากนั้นเราค่อยเดินมาเที่ยวยังอ่างเก็บน้ำ เพราะตรงอ่างเก็บน้ำ เค้าไม่ให้บุคคลภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาต ขับรถเข้าไปเด้ออ
มหาธาตุเจดีย์ไตรภพไตรมงคล (วัดสแตนเลส)
มาอีกฟากหนึ่งของเขาคอหงส์ ที่นี่มีวัดแห่งหนึ่งก๊อตชอบมากๆ นั่นคือ วัดสแตนเลส หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ มหาธาตุเจดีย์ไตรภพไตรมงคล ที่ตัวเจดีย์ถูกสร้างขึ้นด้วยโครงสแตนเลส ตัวฐานนั้นสร้างด้วยอิฐปูนทาสีเหลืองทองรวมถึงฝังเหรียญบาทรอบๆ ประตูเจดีย์ถูกเจาะเป็นรูปช่องวงกลมทั้งหมด 14 ช่อง พร้อมด้วยกรอบสแตนเลส ทั้งหมดที่เห็นนั้น ทำให้ภาพรวมของเจดีย์แห่งนี้คือสวยและแปลกตา เพราะที่นี่ไม่เหมือนเจดีย์วัดไหนในไทยทั้งสิ้นเลยล่ะ ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของเจดีย์สแตนเลสนี้เอง ทำให้ก๊อตโคตรชอบเจดีย์แห่งนี้มากเลยทีเดียว
สำหรับตัวเจดีย์ เราสามารถเข้าไปเดินเล่นด้านในได้ด้วย โดยฐานชั้นหนึ่งนั้น ช่องวงกลมหลายช่องที่เห็น ถูกแบ่งแยกออกเป็นประตูตามวันเกิด ซึ่งด้านในเค้าเขียนว่าให้เราเดินออกช่องกลมตามวันเกิดที่เค้าเขียนแหละ ด้านในเจดีย์มีพระพุทธรูปและเครื่องเบญจรงค์ตั้งเรียงราย และยังมีบันไดที่เราสามารถปีนขึ้นไปชั้นสอง ที่เราสามารถเห็นโครงสแตนเลสของเจดีย์ได้ทั้งหมดเลย ถือว่าสวยงามแปลกตามากจนห้ามพลาดที่จะมาเที่ยวเลยแหละ
มัสยิดกลางสงขลา
ออกนอกตัวเมืองหาดใหญ่มานิดหน่อย เราจะไปเที่ยวกันต่อที่ มัสยิดกลางสงขลา หรือที่ใครหลายคนเรียกว่า ‘ทัชมาฮาล เมืองไทย’ นั่นเอง เหตุผลที่เค้าเรียกกันแบบนี้ เพราะว่าด้านหน้าของมัสยิดนั้น มีลานสระน้ำทอดยาวไปกว่า 200 เมตร ทำให้มัสยิดกลางที่นี่ดูเหมือนทัชมาฮาล อินเดียแหละ ซึ่งส่วนตัวก๊อตเองก็ไม่แน่ใจว่าเหมือนหรือคล้ายทัชมาฮาลมั้ย เพราะตัวเองก็ยังไม่เคยไปเที่ยวอินเดียเหมือนกัน แต่ถ้าให้พูดเรื่องความสวยของ มัสยิดกลางสงขลา นี่ก็บอกได้เต็มปากเลยว่าสวย และลานสระน้ำด้านหน้าก็ชิลเว่อร์วัง จนใครหลายๆคนเค้ามาเดินเล่น วิ่งออกกำลังกายกันนั่นเอง ทั้งหมดนี้ก็เลยทำให้บรรยากาศของมัสยิดกลางสงขลา ชิลๆมาก และเป็นอีกที่หนึ่งที่ก๊อตชอบมากเลยทีเดียว
ใครที่มาเที่ยว มัสยิดกลางสงขลา นี่แนะนำให้มาเที่ยวตอนเย็น ช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกดินนะ เพราะถ้าฟ้าเปิดนี่ ตรงนี้คือโคตรสวย เพราะพระอาทิตย์มันจะตกเยื้องๆทางด้านหลังของอาคารมัสยิดนั่นเอง นั่นทำให้หลายคนที่ชอบถ่ายรูป มักจะมาเที่ยวและถ่ายรูปกันตอนเย็นนั่นเอง โชคร้ายไปหน่อยในวันที่ก๊อตไป ฟ้าปิด ทำให้อดเห็นภาพพระอาทิตย์ตกกับมัสยิดกลางสงขลาแบบสวยๆ ไปเลย แง
โชคดีแต่เตี๊ยม
จบด้วยเรื่องกิน นี่จะพาไปกินกับติ่มซำที่เค้าว่ากันว่าอร่อยที่สุดในหาดใหญ่ ที่นั่นก็คือ โชคดีแต่เตี๊ยม อันโด่งดังนั่นเอง ซึ่งร้านเค้าก็มีติ่มซำให้เราเลือกกินเยอะแยะมาก แต่ที่อยากแนะนำเลยคือ พวกขนมจีบทั้งหลาย โดยเฉพาะขนมจีบกุ้ง ซาลาเปาไส้ไข่เค็มลาวา และบักกุดเต๋ เค้านั่นเอง โดยรวมเค้าก็อร่อยสมชื่อแหละราคาก็ไม่ได้แรงมาก บอกเลยว่าอิ่มตื้ออออ แฮปปี้มากเลยทีเดียว ก็ถือเป็นร้านแนะนำอีกร้านที่อยากให้มาลองกินกันเนอะ
เกาะยอ
เกาะยอ สงขลา ถือเป็นเกาะเล็กๆ ที่เงียบสงบที่ตั้งอยู่ในทะเลสาบสงขลา และถึงแม้จะเป็นเกาะเล็กๆ แต่ที่เกาะยอเค้าก็มีที่ท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นวัดพุทธที่ถูกสร้างมามากกว่า 200 ปี อีกทั้งยังมีคาเฟ่ ร้านอาหารเยอะแยะมาก แถมยังวิวดีอีกด้วย เอาเป็นว่า .. ของดีเยอะขนาดนี้ มาเที่ยวสงขลาทั้งที จะพลาดเกาะยอได้ยังไง เรามาตามเที่ยวกันเลยดีกว่า! รีวิวทริปเกาะยออันนี้ สามารถเที่ยวได้ทั้งหมดภายใน 1 วัน แบบชิลๆ
วัดท้ายยอ
ที่เที่ยวแรกบนเกาะยอนั้น นี่ขอขับรถไปยัง วัดท้ายยอ ที่ตั้งอยู่ท้ายเกาะโดยถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยปลายกรุงศรีอยุธยา ในราวๆ ปี พ.ศ. 2311 ซึ่งถ้านับปีจากตอนนั้นจนถึงปัจจุบันนั้น วัดท้ายยอ มีอายุเก่าแก่ที่สุดบนเกาะยอ และมีอายุมากกว่า 200 ปีแล้วแหละ ดังนั้น นี่ถือว่าเป็นวัดที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของสงขลาเลยก็ว่าได้
ความเด็ดของวัดท้ายยอนั้นอยู่ที่ กุฏิแบบเรือนไทยปั้นหยา ที่ถูกสร้างมาแล้วกว่า 200 ปี โดยสถาปัตยกรรมของกุฏินี้ถูกผสมผสานระหว่างรูปแบบของสไตล์ไทยภาคใต้ ผสมกับสไตล์จีน รวมกันออกมาได้สวยงดงามตามที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งตอนนี้กุฏิก็ยังถูกใช้งานเป็นกุฎิที่ให้พระท่านจำวัดเหมือนเดิมนี่แหละ
สำหรับใครที่มีเวลาเหลือเฟือนั้น เราสามารถไต่บันได้เพื่อขึ้นไปชม เจดีย์เขาเพหาร ที่เป็นเจดีย์ทรงลังกา (ระฆัง) ที่มีอายุมามากกว่า 200 ปีได้ด้วย (ใครที่ขี้เกียจเดิน เราสามารถขับรถขึ้นไปได้ด้วยเหมือนกัน แต่ทางอาจจะชันหน่อยเด้อ) เสียดายนิดหน่อยที่ก๊อตไม่ได้ขึ้นไป แต่ก๊อตเดินออกมาชิลๆ ดูวิวที่ศาลาที่ตั้งอยู่หน้าวัดท้ายยอแทน ซึ่งศาลานี้เค้าสร้างสะพานยื่นออกไป ทำให้เราสามารถเดินออกไปดูวิวทะเลสาบสงขลาได้สวยๆเลย
วัดแหลมพ้อ / วัดพระนอนวัดแหลม
มาต่อกันอีกหนึ่งวัดในเกาะที่เก่าแก่รองลงมา นั่นคือ วัดแหลมพ้อ หรือ วัดพระนอนวัดแหลม ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นในช่วงปี พ.ศ. 2360 (สมัยรัชกาลที่ 2) โดยมีท่านพระครูทิพวาสี ที่ประจำอยู่วัดท้ายยอ มาดำเนินการสร้างวัดที่นี่ และตั้งชื่อตามสถานที่ที่เป็นแหลมออกไปบนเกาะยอ รวมถึงมีต้นพ้อเป็นจำนวนมาก ทำให้วัดที่นี่ถูกเรียกว่าวัดแหลมพ้อนั่นเอง
สำหรับสิ่งที่ต้องมาดู รวมถึงกราบไหว้ที่วัดแหลมพ้อคือ องค์พระนอน ที่ถือเป็นพระพุทธรูปปางปรินิพานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งถ้าหากเราขับรถข้ามสะพานติณสูลานนท์มาจากฝั่งหาดใหญ่ล่ะก็ เราสามารถสังเกตุเห็นองค์พระนอนได้เลยแหละ และถ้าใครอยากมาเห็นแบบเต็มตา ก็ต้องเข้ามาที่วัดนี่แหละ สวยงามใหญ่โตมากจริงๆ
สำนักสงฆ์เขากุฏิ
จากวัดแหลมพ้อ ก๊อตจะไปเที่ยวต่อที่จุดยอดสูงสุดของเกายอ นั่นคือ สำนักสงฆ์เขากุฏิ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขากุฏิที่เราสามารถมองเห็นวิวได้รอบด้าน ทั้งทะเลใน (ทะเลสาบสงขลา) และทะเลนอก (อ่าวไทย) ได้เลยแหละ นอกจากวิวสวยแล้ว ที่สำนักสงฆ์เขากุฏิยังเป็นที่ประดิษฐาน ๔ สมเด็จ โดยหนึ่งในนั้นคือ สมเด็จเจ้าเกาะยอ ที่คนสงขลาให้ความเคารพมากๆ นั่นเอง
เอาดีๆ สำนักสงฆ์เขากุฏิมีมาเกินหนึ่งร้อยปีแล้ว แต่สภาพตัววัดยังถูกรักษาและคงสภาพไว้ได้อย่างสวยงาม ใครที่มาเที่ยวคาเฟ่ Good Mountain Cafe หรือ I Am Cake บนเขากุฏิ อย่าลืมแวะมาวัดนี้ด้วย เพราะมันอยู่ใกล้กันมากกกก
Good Mountain Cafe
จาก สำนักสงฆ์เขากุฏิ มานิดหน่อย มันจะมีคาเฟ่หนึ่งชื่อว่า Good Mountain Cafe ซึ่งเป็นคาเฟ่ที่อยากแนะนำมากเมื่อเรามาเที่ยวเกาะยอ เพราะตัวทำเลคาเฟ่เองนั้นอยู่บนเขา ที่เราสามารถมองออกไปเห็นวิวอ่าวเล็กๆ ริมเกาะยอที่มีบ้านเรือชาวประมงของชาวบ้านตั้งเรียงรายเต็มอ่าว รวมถึงเราสามารถมองออกไปเห็นยังแผ่นดินใหญ่ฝั่งหาดใหญ่ได้เลย ส่วนตัวก๊อตว่าที่นี่เป็นคาเฟ่ที่มีวิวพีคและสวยที่สุดบนเกาะยอเลยก็ว่าได้นะเออ จริงๆ!
เรื่องอาหาร เราจะมากินเฉพาะกาแฟ หรือเค้กเค้าก็ได้ แต่ถ้าใครที่หิวล่ะก็ ทางร้าน Good Mountain Cafe เองเค้าก็มีเสิร์ฟอาหารด้วยเหมือนกัน จากที่ก๊อตได้ลองกินมานั้น อาหารเค้าถือว่าดี อร่อย และราคาดีมากเลยแหละ (ส่วนตัวก๊อตว่าอาหารดี มากกว่าพวกกาแฟ เครื่องดื่ม 555) โดยจานที่แนะนำเลยคือ ข้าวหมูคั่วพริกไข่ดอง (89 บาท) ข้าวปลากะพงราดซอสมะขาม (109 บาท) ใครหิวยังไง ก็ลองมาทานข้าวดูได้ แถมยังดื่มด่ำกับวิวสวยๆของสงขลาเค้าได้อีกด้วย
จุดชมวิวเกาะยอ
ใครที่ชื่นชอบการดูพระอาทิตย์ตก บนเกาะยอฝั่งซ้ายคือจุดชมพระอาทิตย์ตกที่โคตรสวย ถ้าเราโชคดีมาเที่ยวเกาะยอตอนที่ฟ้าเปิด ไม่ได้เมฆเยอะ ฟ้าปิดเหมือนก๊อตนี่ จากที่ได้ดูรูปของคนอื่นมา คือสวยสุดติ่งเกินบรรยายมาก และเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวเกาะยอเลยแหละ
สำหรับคนที่ขี้เกียจไปหาร้านอาหาร หรือคาเฟ่ เพื่อนั่งดูพระอาทิตย์ตกล่ะก็ ในตัวเกาะยอเองเค้ามี ‘ศาลาจุดชมวิว’ ท้ายเกาะ ที่เราสามารถนั่งเพลินๆ ดูวิวพระอาทิตย์ตกได้แบบฟรีๆ ไม่ต้องเสียเงินซักแดงเดียวเลยแหละ ซึ่งจุดชมวิวนี้เองก็ถือเป็นอีกจุดที่ดูวิวพระอาทิตย์ตกได้สวยมาก คือพระอาทิตย์ตกอยู่ตรงหน้าเลยเว้ย
สำหรับการมาที่ศาลานี้ เราสามารถพิมพ์ ‘จุดชมวิว เกาะยอ’ บนกูเกิลแมพ แล้วมาตามเส้นทางในแอพได้เลย มันจะตั้งอยู่เลยวัดท้ายยอไปนิดหน่อย วิวพระอาทิตย์ตกที่เกาะถือเป็รสิ่งห้ามพลาดเล้ย
ร้านอาหารน้ำเคียงดิน
สำหรับมื้อเย็นของวัน ก๊อตมากินข้าวที่ ร้านอาหารน้ำเคียงดิน โดยที่ก๊อตเลือกกินที่นี่ เพราะว่าคนรู้จักก๊อตที่หาดใหญ่แนะนำมาว่าร้านนี้อร่อย แถมเมื่อเรากดดูรีวิวเค้าในกูเกิลแมพ ยังได้คะแนนรีวิวเยอะอีก นี่ก็เลยจัดเลยกับร้านนี้เค้าแหละ ซึ่งโลเคชั่นตัวร้านเค้าก็ดี อยู่ติดกับถนนใหญ่ และเมื่อเรานั่งทานอาหารด้านบน เราสามารถดูวิวสะพานที่ทอดยาวไปยังเมืองสงขลาได้เลยล่ะ เสียดายนิดหน่อยที่ก๊อตมาตอนมืดแล้ว วิวก็เลยไม่เห็นนะจ๊ะ 5555555
ร้านอาหารน้ำเคียงดิน เป็นร้านอาหารไทยที่เราจะสั่งเป็นกับข้าวหลายๆจาน แล้วมากินร่วมกัน โดยเมนูที่แนะนำมากๆเลยคือ ปลากระพงทอดน้ำปลา ใบเหลียงผัดไข่ ยำถั่วพู แกงส้มน้ำส้มไข่ชะอม อันนี้คือเลอค่าและอร่อยมากกก
สรุป ก๊อตให้ ร้านอาหารน้ำเคียงดิน เป็นอีกร้านที่แนะนำให้มาทานกันแหละ ราคาค่าอาหารจะปานกลางค่อนไปทางสูงนิดหน่อย แต่ภาพรวมคือดี ถือว่าผ่านมากก!
จบแล้ว จังหวัดสงขลา! 🧡
จัดหนักจัดเต็มกันไปเลยทีเดียวสะหรับรีวิวสงขลาทั้งหมด อัดแน่นไปด้วยที่เที่ยวและที่กินในย่านเมืองเก่าสงขลา หาดใหญ่ และเกาะยอ เรียกได้ว่าเที่ยวตามกันได้แบบจุใจกันเลยทีเดียว สำหรับก๊อตแล้วสงขลาถือว่าเป็นอีกจังหวัดที่ก๊อตประทับใจมาก เพราะเป็นจังหวัดที่มีเรื่องราว และสิ่งที่น่าสนใจเยอะมาก โดยเฉพาะย่านเมืองเก่านี่ก๊อตชอบที่สุดเลย มันทำให้เราได้รู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองสงขลา และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสงขลาได้มากขึ้นเยอะเลย ส่วนโซนอื่นๆ อย่างหาดใหญ่และเกาะยอ ก็ประทับใจเช่นกันมีทั้งที่เที่ยวสวยๆ และร้านอาหารอร่อยๆ เพียบเลย ใครที่กำลังหาที่เที่ยวที่สงขลาอยู่ก็เที่ยวตามก๊อตได้เลยนะ รับรองได้เลยว่าจะต้องประทับใจและหลงรักสเน่ห์ของเมืองสงขลาไปแน่นอน 😆
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡