อารีย์ กรุงเทพ – แน่นอนว่าอารีย์ พูดถึงปุ้บ ก็นึกถึงย่านความเก๋ แหล่งรวมร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านขนมหวานแสนอร่อย รวมไปถึงบาร์สุดชิค ที่เป็นอีกหนึ่งสถานที่แฮงค์เอ้าท์ ที่คนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ นิยมเดินทางเข้าไปพบปะ สังสรรค์ รีวิวนี้ ก๊อตเลยจะพาทุกคนไป อารีย์ฮ้อปปิ้ง กับร้านต่างๆ ที่รวมทั้งของหวาน ของคาว ที่สามารถตามรอยไปเที่ยวกันได้เลย
คาเฟ่ ร้านอาหาร และของกิน อารีย์ อัพเดทเรื่อยๆ
* คลิกที่ชื่อร้านเพื่อไปอ่านที่ร้านนั้นๆ ได้เลย
1. Volks คาเฟ่ที่เด่นเรื่องเบเกิลกว่า 12 ชนิด
2. Vanillian inc. คนรักวานิลลาไม่ควรพลาด เพราะที่นี่เค้าปลูกวานิลลาเอง
3. SATI Handcraft (สติ แฮนด์คราฟท์) คาเฟ่ที่อาหารอร่อยเว่อร์
4. MTCH สายชาเขียวเลิฟเวอร์ไม่ควรพลาด
5. Trust Cafe and Studio สตูดิโอคาเฟ่ที่มุมถ่ายรูปเยอะมาก
6. NANA Coffee Roasters Ari – เอาใจคอกาแฟ ด้วยร้านกาแฟชื่อดัง ที่รวมกาแฟจากแทบทั่วโลก มาให้ได้ชิมกันในที่เดียว
7. XinXin – ร้านขนมหวานสไตล์ไต้หวัน ที่ให้ฟิลเหมือนอยู่ต่างประเทศ
8. ชอุ่ม – ร้านอาหารเฮลท์ตี้ สำหรับคนสายคลีนที่รักสุขภาพ
8. Wraptor – ร้านอาหารเม็กซิกัน ที่รสชาติอร่อยมาก
1. Volks
เริ่มกันที่ร้านแรกกับ Volks ที่ตั้งอยู่สุดซอยประดิพัทธ์ 13 กับคาเฟ่เล็กๆ ที่ใช้พื้นที่หน้าบ้านของตัวเองมาสร้างเป็นคาเฟ่แบบชิคๆ โทนขาว-เขียว ที่สร้างความแตกต่างจากคาเฟ่ทั่วไปด้วยการขาย ‘เบเกิล (Bagel)’ โฮมเมดเป็นหลัก จากความชอบกินของเจ้าของเองที่เมื่อครั้งไปเรียนต่างประเทศ และยังต้องหิ้วกลับมาฝากที่บ้านครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นก็เลยทำให้เจ้าตัวได้เปิดคาเฟ่นี้ขึ้นมานั่นเอง และด้วยความที่บ้านทำธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์อยู่แล้ว ร้าน Volks เองก็ใส่ความเก๋เพิ่มเติมด้วยการขายเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เก๋ที่ใช้ตกแต่งภายในร้านไปด้วยเลย พร้อมกับการตกแต่งเพิ่มด้วยรูปการ์ตูนสุดคลาสสิกอย่าง ตินติน (Tin Tin) เต็มผนัง ทั้งหมดที่กล่าวมา เลยทำให้ Volks เค้าเป็นอีกร้านที่ดูแล้วสนุก ถ่ายรูปมุมไหนก็ออกมาน่ารักซะจริงๆ
มาถึงคาเฟ่ที่เน้นเบเกิ้ลทั้งที เราก็ไม่พลาดที่จะลองสั่งเบเกิลมากินกันแล้วแหละ ซึ่งก๊อตสั่งเป็น Smoked Salmon and Capers โดยเลือกรสชาติเบเกิลเป็น Cheddar Cheese (280 บาท) ที่ให้รสชาติเชดดาร์ชีสหอมๆ แบบเต็มคำที่มาพร้อมกับไส้ด้านในทั้งหอมแดง มะกอก และแซลมอลรมควันที่เมื่อเรากินรวมๆ กันเข้าไปแล้วมันโคตรอร่อย แต่บอกก่อนตัวไส้เค้าใส่หอมแดงค่อนข้างเยอะ ใครที่ไม่ชอบหอมแดง อาจต้องบอกเค้าให้เปลี่ยนหอมแดงเป็นตัวอื่นซักหน่อย โดยรวมแล้วสำหรับการกินเบเกิลที่นี่ถือว่าให้ผ่าน ดังนั้นสั่งกินได้เล้ย
เปลี่ยนจากเบเกิลมาลองกินเครื่องดื่มเค้าดูบ้างกับแก้วแรก Cold Brew Latte (90 บาท) กับกาแฟโคลด์บรูวเลเยอร์กับนมหวานมัน เมื่อเราผสมกันและกินเข้าไปแล้วถือว่าได้ตามมาตรฐาน ใครที่ชอบกินกาแฟไม่เข้มมาก และชอบความหวานมันของนมน่าจะชอบ
อีกแก้วที่ก๊อตได้ลองสั่งคือ Ice Chocolate (120 บาท) ที่มากับช็อกโกแลตเข้มปานกลางแบบไม่ขมจ๋า มาแบบงงๆ เพราะตัวก๊อตเองสั่งเป็นช็อคโกแลตเย็น แต่ที่ได้กินคือตัวช็อกโกแลตด้านบนแก้วยังคงอุ่นๆ แต่ด้านล่างของแก้วกลับเย็น เหมือนทำมาแบบไม่ค่อยเบลนด์เท่าไหร่ ตอนดื่มเข้าไปครั้งแรกก็คิดว่าตัวเองสั่งช็อกโกแลตร้อน ถึงกับงงไปเลยทีเดียว
สรุปแล้ว สำหรับก๊อต Volks ถือเป็นอีกร้านที่ควรมาลอง โดยเฉพาะสายเบเกิล เพราะเค้ามีเมนูเบเกิลหลากหลายไส้ แถมยังมีตัวขนมปังเบเกิลหลากหลายแบบให้เลือกประกบอีกด้วย อันนี้ถือว่าดีย์ ส่วนตัวเครื่องดื่มเองก๊อตว่ายังเฉยๆ ธรรมดา แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าโอเคแหละบรรยากาศร้านเค้าทำออกมาได้ดี เราสามารถนั่งได้เรื่อยๆ ใครที่มาอารีย์ก็อย่าลืมแวะมาลองกินเบเกิลเค้าได้เลย
2. Vanillian inc.
เราไปต่อกันที่ร้าน Vanillian inc. คาเฟ่ขนาดกะทัดรัดในบรรยากาศน่ารัก ที่ตั้งอยู่ในซอยพิบูลวัฒนา 2 ใจกลางย่านอารีย์ ที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวตัดกับสีไม้ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่ถูกจัดวางไว้ตามมุมต่างๆ ได้อย่างลงตัว ตัวร้านเป็นกระจกใสทำให้รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้อย่างเต็มที่ เสริมให้บรรยากาศร้านดูอบอุ่น และดูไม่อึดอัด เข้ากันดีกับกลิ่นวานิลลาหอมๆ ที่อบอวลไปทั่วร้าน
Vanillian inc. เค้ามีที่มาของร้านที่น่าสนใจมากด้วยนะ จากความหลงใหลในวานิลลาของเจ้าของร้านเองที่ชอบทำขนมอยู่เป็นทุนเดิม แต่ด้วยราคาการนำเข้าวานิลลาที่ค่อนข้างสูง เค้าเลยตั้งใจทำสวนวานิลลาเอง เป็นที่มาของการเปิดร้านเพื่อรอขายผลิตภัณฑ์จากวานิลลาที่สวนตัวเอง ซึ่งขนมและเครื่องดื่มภายในร้านนั้นมีวานิลลาเป็นตัวชูโรงแทบทั้งหมด ทำให้ Vanillian inc. เป็นร้านที่ดูน่ารัก มู้ดแอนโทนดี รู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่ยังไม่ทันลองชิมขนมของเค้าเลย
Vanillian inc. เค้าจะแบ่งโซน Indoor และ Outdoor อย่างชัดเจน เริ่มจากหน้าร้านที่เป็นโต๊ะ เก้าอี้ปิคนิก ให้ได้นั่งชิลๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ ให้ฟีลเหมือนเรามาปิคนิกกับเพื่อน ส่วนภายในร้านให้ฟีลอบอุ่นขั้นสุด ด้วยกลิ่นวานิลลาหอมๆ กับแสงธรรมชาติสวยๆ ที่สาดส่องเข้ามา และเค้ายังมีมุมหลังร้านที่เป็น Outdoor ให้ได้นั่งเม้าท์มอยกับเพื่อนอีกด้วยนะ ถือว่าเค้าจัดสัดส่วนร้านได้พอดีเลย
มาถึงร้านที่เค้าขึ้นชื่อเรื่องวานิลลา ก๊อตเลยสั่งเป็น Noir Et Blanc (125 บาท) ช็อกโกแลตเชคท้อปมาด้วยตัวโฟมวานิลลาสูตรพิเศษของทางร้าน ราดด้วยคาราเมล วางทับด้วยก้านวานิลลาด้านบน เมื่อกินทุกอย่างเข้าไปพร้อมกัน จะได้รสชาติหอมหวานของวานิลลาตัดด้วยความเข้มของช็อกโกแลตให้ฟีลเหมือนเรากินไอศกรีม ใครที่ชอบวานิลลาไม่ควรพลาดเมนูนี้เลย แถมเป็นเมนูที่ทางร้านทำออกมาได้สวยมาก ถ่ายรูปลงไอจีได้แบบสบายๆ
และอีกเมนูที่ก๊อตลอง คือ Fluffy Late (100 บาท) ลาเต้ที่ไล่ระดับชั้นฟองนม ท้อปด้วยคาราเมลเบิร์นกลิ่นหอม รสชาตินุ่มนวลกลมกล่อม แก้วนี้ไม่ใช่คอกาแฟก็กินได้ ยิ่งกินคู่กับ Carrot Cake (100 บาท) นี่คอมพลีทมาก เนื้อเค้กนุ่ม มีเนื้อแครอทผสมให้ได้เคี้ยว แต่ที่ก๊อตชอบมากเห็นจะเป็นครีมราดด้านบนเค้กที่มาพร้อมผลไม้สด รสเปรี้ยวหน่อยๆ มาตัดความหวานของเค้กได้อย่างลงตัว แนะนำเลยยย
3. SATI Handcraft
SATI Handcraft คาเฟ่ย่านอารีย์ที่เมื่อเห็นด้านหน้าของตัวร้านแล้ว นึกว่าจะเล็กแต่ไม่เล็กอย่างที่คิด แถมยังมีดีไซน์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ระหว่างหน้าร้านและหลังร้านที่เราโคตรเซอร์ไพรส์ โดยหน้าร้านเค้าตกแต่งโทนสีขาวเล่นกับเส้นไฟนีออนที่กลายเป็นอีกมุมสุดป๊อบให้ถ่ายรูป นอกจากนี้ยังโชว์ขั้นตอนการทำขนมให้ได้เห็นกันใกล้ๆ กันหน้าร้าน แต่พอเดินทะลุเข้ามาข้างในกลับเป็นร้านท่ามกลางต้นไม้ มีเรือนกระจกสไตล์อินดัสเทรียลลอฟต์ ให้อารมณ์เท่ห์แบบดิบๆ แยกเป็นโซน Indoor และ Outdoor และยังมีสเปซที่เค้าเอาไว้ทำเฟอร์นิเจอร์และของน่ารักๆ จัดมุมไว้สำหรับขายให้ลูกค้าที่ร้านได้เลือกซื้อกันด้วย นี่ถือเป็นอีกร้านที่มีความยูนีคอยู่ในตัวอีกร้านเหมือนกันนะ
หนึ่งกิมมิคของเฟอร์นิเจอร์ที่ก๊อตคิดว่าโคตรน่ารัก คือเก้าอี้สตูลรูปทรงขนม Canelé (คาเนเล่) โทนสีน้ำตาลคล้ายสีของขนม บวกกับโต๊ะ โซฟาสีคล้ายๆ กัน ยิ่งทำให้บรรยากาศร้านดูปุ๊กปิ๊กขึ้นไปอีก เยิฟมาก
เที่ยงๆ แบบนี้ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ก๊อตเลยสั่งเป็น Spaghetti Aglio Olio Bacon (200 บาท) สปาเกตตี้ผัดเบคอนพริกแห้งกระเทียม เส้นสปาเกตตี้เหนียวหนึบผัดคลุกเคล้าเข้ากับเบคอนชิ้นโต และพริกแห้งกับกระเทียมที่ถูกสไลด์มาเป็นชิ้นกำลังดี จานนี้รสโดดไปทางเค็ม (เป็นความเค็มแบบนัวๆ 5555) นี่ว่าเค้าทำออกมาได้รสคนไทยกินมาก แต่ถ้าใครไม่ชอบเค็ม แจ้งเค้าไปตอนสั่งได้เน้ออ แต่ก๊อตรู้สึกว่าเมนูนี้ถ้าเทียบกับราคามันได้น้อยไปหน่อย อาจจะต้องมีเบิ้ล
นอกจากอาหารของเค้าแล้ว ก๊อตยังได้ลองเครื่องดื่มอย่าง Bitter Orange (195 บาท) ที่เค้าผสมผสานความสดชื่นจากส้มและความเข้มของดาร์กช็อกโกแลตแยกเป็นเลเยอร์ชั้นได้อย่างลงตัว ท้อปมาด้วยไอศกรีมวานิลลา ทำให้ตอนกินเราจะได้รสชาติของส้มที่ผสมเข้ากับช็อกโกแลต (ฟีลเหมือนเรากินช็อกโกแลตส้มเลย) และความหวานหอมของไอศกรีมวานิลลา ยิ่งเสริมให้เมนูนี้หวานๆ ขึ้นไปอีก
ส่วนใครที่ชอบความสดชื่น ก๊อตแนะนำให้สั่ง Smooth Tropical (190 บาท) น้ำเสาวรสปั่นที่ราดมาด้วยโยเกิร์ตรสเปรี้ยวหวานกำลังดี แก้วนี้เนื้อเสาวรสเค้ามาแบบจัดเต็ม ดื่มไปเคี้ยวกรุบๆได้ทุ้กกกคำ เป็นอีกแก้วที่ก๊อตแนะนำเล้ยย
สำหรับก๊อตแล้ว ร้าน SATI Handcraft เมนูเครื่องดื่มอยู่ในกลุ่มที่ราคาค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร ส่วนราคาอาหารนั้นยังโอเคพอได้อยู่ แต่บรรยากาศร้านเค้าสงบดี ด้วยโซนร้านที่เค้าแบ่งไว้เยอะ ทำให้ดูไม่วุ่นวาย สายคาเฟ่ หรือคอกาแฟสามารถมานั่งพูดคุยได้เรื่อยๆ เป็นร้านที่ตรงตามชื่อเลย เหมือนเราได้แวะมาตั้งสติก่อนไปลุยงานกันต่อ ใครหาคาเฟ่แถวอารีย์ที่มีอยากทานข้าวด้วย ไม่ควรพลาด
4. MTCH
สายชาเขียวเลิฟเว่อร์ไม่ควรพลาดร้าน MTCH (เอ็ม-ที-ซี-เอช) บาร์มัทฉะ ที่เน้นขายเฉพาะเครื่องดื่ม และขนมที่ทำมาจากชาเขียว พร้อมบรรยากาศของร้านที่มาในโทนขาวแซมด้วยความเฟียสของความแสตนเลสและไม้พอกรุบกริบ ทำให้ MTCH มีความคลีนๆ มินิมอลเล็กน้อย แต่แฝงความสนุกไว้ด้วย โดยความรู้สึกตัวก๊อตเองเมื่อได้มาคาเฟ่นี้ ฟีลเหมือนได้เข้ามาอยู่ในโฮมแกลอรีส่วนตัวที่ดูอบอุ่นและเป็นกันเองแหละ
และด้วยตัวร้านของเค้าที่ถูกดัดแปลงมาจากบ้านเก่าอายุกว่า 40 ปี ทำให้พื้นที่รอบๆ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่นมากๆ ซึ่งกว่าจะมาเป็นคาเฟ่ที่มีจุดเด่นเฉพาะชาเขียวนั้น เกิดจากความหลงใหลในชาเขียวของเจ้าของร้าน ที่เค้าฝึกฝนวิธีชงชาเขียว เรียนรู้ขั้นตอนต่างๆ มากว่า 5 ปี เพื่อให้ได้วิธีที่ดีที่สุดในการชง ก่อนจะมาเป็นเมนูชาเขียวมากมายที่ขายอยู่ในร้านอย่างทุกวันนี้
โดยที่นี่เค้าจะแบ่งร้านออกเป็น 2 ชั้น ซึ่งชั้น 1 เราจะได้เห็นเค้าชงชาเขียวกันแก้วต่อแก้วบนบาร์สแตนเลส ส่วนชั้น 2 มองตอนแรกก๊อตนึกว่าเขาวงกตเลย เราสามารถเดินอ้อมทะลุหากันได้เป็นวงกลมโดยเค้าจะกั้นแบ่งเป็น 3 ห้อง ซึ่งตอนที่ก๊อตไป เค้าเปิดให้นั่งกินได้แค่ 2 ห้องเท่านั้นน้า เป็นห้องที่ถูกดีไซน์มาได้อย่างเก๋ มีกระจกเต็มตัวไซซ์บิ๊กเบิ้มตั้งให้ได้เซลฟี่เล่นๆ แถมยังมีลูกเล่นด้วยภาพถ่าย และบันไดตั้งกลางบ้านคล้ายเป็น Installation Arts ในแกลอรีอย่างนั้นเลย
สำหรับเมนูของร้านที่ก๊อตได้ลองกิน คือ MTCH™ Cold Whisk Latte (180 บาท) เป็นเครื่องดื่มชาเขียวที่ก๊อตสั่งความเข้มมาในระดับ Very Strong (เค้ามีความเข้มหลายระดับ) กลิ่นหอมๆ ของชาเขียวฟุ้งมาก ยิ่งตอนกินเข้ารสชาติชาเขียวละมุนแต่เข้มขั้นสุด ใครที่คลั่งรักชาเขียวจะต้องเลิฟเมนูนี้ ยิ่งกินคู่กับ Hojicha Banoffee (180 บาท) บานอฟฟี่ที่มีแครกเกอร์บดอยู่ด้านล่าง ตามด้วยตัวเค้กชาเขียวรสกลมกล่อม ไม่ขม หรือหวานจนเกินไป โปะด้วยกล้วยชิ้นโตหวานกำลังดี และครีมชีสด้านบนสุดที่โรยผงชาเขียวทับมาอีกที โดยรวมแล้วเป็นบานอฟฟี่ที่มีความหอมหวานมัน และอร่อยมากกกกก นี่ถือเป็นตัวที่ก๊อตชอบมากที่สุดของ MTCH เลย ต้องลอง!
นอกจากนี้ก๊อตยังได้ลองเครื่องดื่มแบบไม่มีชาเขียวอย่าง Non Natcha Blue Sparkling Honey Lemon (130 บาท) เครื่องดื่มที่ทำมาจากสาหร่ายสไปรูลิน่า ที่เห็นสีฟ้าๆ ราดทับมาบนโซดา นั่นคือน้องเค้าเอง ตอนแรกคิดว่าต้องเป็นเมนูซู่ซ่าแบบบลูฮาวายแน่ๆ แต่ผิดคาด ถ้าบอกว่าไม่มีโซดานี่ก็เชื่อ (5555) เป็นเมนูที่ได้รสเปรี้ยวจากเลม่อน และมีกลิ่นหอมจากน้ำผึ้ง ฟีลเหมือนเรากินน้ำผึ้งมะนาวโซดาเลย ปิดจ๊อบได้สดชื่นมากกก
เอาล่ะ ก๊อตว่า MTCH นี่เหมาะกับคนชอบร้านสไตล์อาร์ทๆ มินิมัล และสาวกชาเขียวมัชฉะเลิฟเว่อร์มากๆ ราคาเครื่องดื่มชาเขียวเค้าค่อนข้างสูง แต่ก๊อตว่าสมเหตุสมผลกับคุณภาพของชาเขียวที่เค้าใช้นะ เป็นอีกร้านที่บรรยากาศดี แสงสวย ถ่ายรูปออกมาแล้วลง Instagram ได้ทุกมุม เป็นอีกคาเฟ่ที่ต้องกลับมาซ้ำอีกรอบแน่นอนนน
5. Trust Cafe and Studio
และแล้วก็มาถึงร้านสุดท้ายของวัน กับ Trust Cafe and Studio ที่เป็นทั้งคาเฟ่ สตูดิโอถ่ายรูป ร้านตัดผม ร้านปิ้งย่างเกาหลี และร้านขายเสื้อผ้าอยู่ในที่เดียวกันแบบไม่น่าเชื่อ และที่เริ่ดสุดที่สายถ่ายรูปน่าจะชอบคือ เค้ามีมุมถ่ายรูปฟีลเกาเยอะมาก เรียกว่ามาแล้วเหมือนได้ไปอยู่คาเฟ่ที่เกาหลีเป๊ะ โดยร้านเค้าคุมโทนสีขาว น้ำตาล และครีมได้อย่างลงตัว และด้วยความที่เค้าเป็นสตูดิโอด้วย ที่นี่เลยจัดฉากเก่งและมีมุมให้ถ่ายรูปเพียบ ทั้งหน้าร้านตัดผม สนามเด็กเล่น สนามบาส ทางลงรถไฟใต้ดิน ที่ทั้งหมดเหมือนยกเกาหลีมาไว้ใจกลางอารีย์กันเลยทีเดียว
ที่ต้องรู้ก่อนจะมาเลยคือ เราจะต้องเสียค่าเข้า 50 บาท/คน นะ ซึ่งเราสามารถนำไปเป็นส่วนลด อาหาร และเครื่องดื่มภายในร้านได้เลย ซึ่งใครจะมา ก๊อตแนะนำให้มาวันธรรมดาที่ไม่ใช่เสาร์-อาทิตย์ เพราะคนน้อยกว่า และเราไม่ต้องไปแย่งมุมถ่ายรูปกับใครเยอะแยะด้วย เท่าที่รู้มาคร่าวๆ คือ วันเสาร์-อาทิตย์ ร้านคือแตกแตนมาก
นอกร้านว่าดีแล้ว ในร้านก็มาเต็มเช่นกัน ทั้งโซนขายเสื้อผ้า ที่มีตู้ถ่ายรูปให้เราได้ถ่ายรูปกิ๊บเก๋กันกับเพื่อน โซนลูกบอลยักษ์สีดำ ตาโต๊โตที่เป็นไอคอนของที่นี่ มุมห้องคลีนๆ โทนขาว-น้ำตาล ที่มีที่นั่งคล้ายอัฒจันทร์ยาวรูปตัวแอลให้เรานั่งร่วมกันได้ แต่ถ้าใครไม่ชอบนั่งรวมๆ มุมนี้เค้าก็มีโต๊ะ เก้าอี้แยกออกมาให้เลือกนั่งน้าา
มู้ดร้านว่าดีแล้ว ของกินจะดีหรือเปล่า เรามาลองกันเลยกับอย่างแรก คือ Choco Butter (125 บาท) ช็อกโกแลตบัตเตอร์เค้กเนื้อนุ่มๆ ท็อปด้วยวิปครีมเนื้อเนียนแน่น ตัวบัตเตอร์เค้กถือว่าปกติทั่วไป แต่วิปครีมคือเนื้อแน่นแบบนวลสุด วิปอันนี้ถือดีย์ เรามาลองกินกาแฟกันบ้างกับ English Cookie Latte (150 บาท) ลาเต้หอมๆ กับนมรสมันๆ ท็อปด้วยวิปครีมตัวเดียวกับบัตเตอร์เค้กและผงคุ้กกี้พอกรุบๆ แก้วนี้ถือว่าได้เลย เหมาะสำหรับคนชอบกินกาแฟนมมันๆ ที่ไม่หวานจนเกินไป
ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มเฟรชๆ อย่าง Pink Cello (125 บาท) เครื่องดื่มโซดารสองุ่น ที่สีเหมือนพีชมากเว่อร์ เป็นเมนูที่รสชาติของโซดาที่ไม่ได้จ๋าขนาดอิตาเลียนโซดาทั่วไป รสชาติคือน้ำองุ่นละมุนๆ ที่มีเนื้ออโลเวล่าให้เราได้เคี้ยวกรุบๆ ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่มาเติมความสดชื่น และช่วยสะบัดความเหนื่อยของการถ่ายรูปหลายมุมจัดของร้านนี้ได้ดีทีเดียว
สำหรับก๊อตแล้ว Trust Cafe and Studio เค้าเหมาะมาถ่ายรูปมากกว่ามากินสะอีก (5555) ด้วยความที่เค้าทำเป็นสตูดิโอให้ได้ถ่ายรูปด้วย ทำให้ทุกมุมในร้าน ทั้งด้านในและด้านนอก ถ่ายรูปสวยหมดเลยจริงๆ แถมราคาเครื่องดื่มที่นี่ก็โอเค สมเหตุสมผลเลย ถ้าเทียบกับบรรยากาศร้านที่ได้เนี่ย ถือว่าแนะนำ!
6. NANA Coffee Roasters Ari
NANA Coffee Roasters Ari คาเฟ่สุดดัง ที่ตอนนี้เค้ามาเปิดแล้วที่อารีย์ซอย 4 แน่นอนว่าร้านนี้เลื่องชื่อลือชาเรื่องของกาแฟเป็นอย่างดี แต่รอบนี้พอเค้ามาเปิดสาขาที่อารีย์ก็ต้องบอกเลยว่า บรรยากาศดูอบอุ่น น่าเข้าไปนั่งเป็นที่สุด ร้านสีน้ำตาล ตัดกับกำแพงสีขาว และสวนต้นไม้สีเขียว ดูอบอุ่น พอเข้ามาในร้านแล้ว ก็ต้องบอกเลยว่าบรรยากาศดูดีมาก มุมถ่ายรูปเพียบ ถ้าใครอยากได้บรรยากาศเป็นส่วนตัวหน่อย แนะนำให้มาเช้าๆ เพราะ คนจะได้ไม่เยอะมาก เป็นอีกคาเฟ่ ที่สายฮ็อปปิ้ง ห้ามพลาด
บางคนอาจจะไม่รู้ว่า NANA Coffee Roasters นั้น ถือเป็นร้านกาแฟ และโรงคั่วกาแฟชื่อดังของเมืองไทย ดังนั้น ใครที่มาคาเฟ่ที่นี่ ก็อย่าลืมสั่งกาแฟเค้าด้วยเลยเนอะ ครั้งนี้ก๊อตเลยลองสั่งทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่มาทาน จะบอกว่า เบเกอรี่ที่นี่รสชาติดีมากก หน้าตาก็น่ากินไปหมด
เริ่มจากเครื่องดื่มก่อนละกัน ก๊อตสั่งเป็น Iced Americano (180 บาท) โดยเลือกเมล็ดกาแฟจากคอสตาริก้า ที่ให้รสชาติกลางๆ พอให้สดชื่นในยามเช้า สำหรับใครที่อยากลองเมล็ดกาแฟจากแหล่งอื่นๆ สามารถขอคำแนะนำจากบาริสต้าได้เลย เพราะเค้ามีให้เลือกเมล็ดกาแฟจากแทบทั่วโลก เรียกได้ว่าใครคอกาแฟยิ่งต้องห้ามพลาด
ส่วนใครที่ไม่ใช่สายกาแฟ ยังมีอีกตัวที่น่าสั่งมาดื่มไม่แพ้กัน กับ Yuzu Sparkling (150 บาท) เป็นน้ำส้มยูซุ ที่ดื่มง่ายเพราะได้ความซ่าจาก sparkling แต่พอได้ดื่มเข้าไป จะได้กลิ่น และรสของส้มยูซุ แบบจัดเต็ม หอมมาก และหวานกำลังดี แต่จะมีความเปรี้ยวนิดหน่อย ได้กลิ่นของตัวท้อปปิ้งมาแตะจมูกบ้างบางครั้ง ทั้งสตรอเบอร์รี่ ส้ม บลูเบอร์รี่ และ ทัมทิม ที่ลอยอยู่ในแก้ว โดยรวมแล้วให้ เพราะรู้สึกสดชื่นมาก
มาถึงคราวเบเกอรี่กันบ้าง New York Cheese Cake (170 บาท) ตัวนี้เป็นอีกตัวที่แนะนำมากจริงๆ ตัวชีสนุ่มและหอมมาก ตัวเนื้อเค้กเนียน ตักเข้าปากเข้าไปแล้วหยุดไม่ได้เลย กับเบเกอรี่อีกตัว Lemon Tart (170 บาท) ตัวทาร์ตด้านนอกกรุบกรอบกำลังดี ตัดกับตัว lemon curd ที่เนื้อไม่เหนียวมาก นุ่มกำลังดี รสเปรี้ยวนิดๆ และได้ความหอมและหวานหน่อยๆ จากตัวครีม มันดีมากกก
7. XinXin
มาถึงร้านที่สองกันบ้าง ต้องบอกก่อนว่าร้าน XinXin (ซินซิน) เนี่ยเข้าซอยอารีย์สัมพันธ์ 5 เข้ามา 50 เมตร ร้านจะอยู่ขวามือชั้นสองเลยพอเข้าไปในร้านบรรยากาศร้านจะได้ฟิลแบบไต้หวัน แต่นั่งๆไป เอ้ะ มันก็แอบญี่ปุ่นหน่อยๆเหมือนกัน 555 เอาเป็นว่าเริ่มสั่งของกินกันเลยดีกว่า
เริ่มจาก บัวลอยงาดำถั่วแดง (155 บาท) โดยเค้าจะให้เลือกรสชาติตัวไอศครีมด้านบน สองรสชาติให้เลือกระหว่าง ไอครีมรสขิงเผ็ดร้อน กับ รสเฮอร์เบิลสมุนไพรจีนเข้มข้น ก๊อตเลยเลือกรสสมุนไพรจีนมาลองชิม อร่อยมากก รสชาติไม่หวานเกินไป หอมสมุนไพรจีน กินคู่กับเครื่องเคียงในถ้วย
นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่ม Osmanthus Sakura (85 บาท) เป็นชาหอมหมื่นลี้ ออนท็อปด้วย ดอกลาเวนเดอร์อบแห้ง ตอนดื่มแนะนำให้เขี้ยวดอกไปด้วย จะได้กลิ่นหอมของชา ผสมกับความหอมของดอกลาเวนเดอร์ปลายๆ มันดีมากจริงๆ
อีกอันนึงเป็นเมนู ที่มีมาเฉพาะในช่วงนี้ Autumn Blooms Green and Black (95 บาท) เป็นบัวลอยแห้ง ที่โรยถั่วป่น ราดด้วยซอสสีดำตัดกับตัวแป้งสีเขียว หน้าตาน่ารับประทาน รสชาติหวานกำลังดี แต่เคี้ยวหนึบ เพลิน พอได้กินไปหนึ่งลูก แล้วจะอยากคีบลูกที่สองเข้าปากต่อทันที เพราะมันหยุดกินไม่ได้เลยจริงๆ 5555
8. ชอุ่ม
มาถึงอีกย่านในอารีย์ ที่บอกเลยว่าเป็นอีกจุด ที่ชาวฮ็อปปิ้งต้องห้ามพลาด เพราะ GUMP’s Ari Community Space เป็นแหล่งรวมร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร สุดคิวท์ ที่สีสันสวยงาม เหมาะแก่การไปหาไรกิน พร้อมไปเก็บภาพมาลงไอจีเป็นที่สุด
จริงๆ ร้านใน GUMP’s Ari มีให้เลือกเยอะมาก แต่ก๊อตก็ไปสะดุดตาอยู่กับร้านนึง ที่ดูแล้วน่าสนใจ เหมาะกับสายรักสุขภาพ อย่างร้านที่มีชื่อว่า ‘ชอุ่ม’ ของกินแทบจะทุกอย่างในร้านนี้ พี่เจ้าของแกบอกเองว่า ทำเองหมด รับรองว่าคุณภาพดีแน่นอน ตัวเมนูที่ก๊อตลองสั่งมา ก็มี Avocado Almond (120 บาท) รสชาติอโวคาโดของที่นี่เค้าปั่นออกมาได้กำลังดี มีกลิ่นหอมของแอลมอนด์ผสมไปด้วยอ่อนๆ ไม่หวานจนเกินไป ใครที่ชื่นชอบอโวคาโด บอกเลยว่าต้องมาลอง
Homemade Greek Yogurt (159 บาท) เมนูนี้สามารถเลือกใส่ท้อปปิ้งได้อีกสองอย่าง เลยเลือกเป็น อโวคาโด ละก็กล้วย บอกเลยว่ากินเพลินมาก แล้วรสชาติของกรีกโยเกิร์ต แบบโฮมเมดเนี่ยมันดีมากจริงๆ รสเปรี้ยวหน่อยๆ มันๆ กินคู่กับพวกท้อปปิ้งแล้วคือดีมาก
ยังไงก็ถ้าใครแวะมาถ่ายรูปกันที่ GUMP’s Ari Community Space ก็อย่าลืมลองเข้าไปนั่งทานอาหารโฮมเมด แบบ เฮลท์ตี้ๆ กันได้ที่ ร้านชอุ่ม กับบรรยากาศร้านน่ารักๆ ตกแต่งด้วยสีส้มอ่อนๆ รู้สึกอบอุ่น ร้านเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก ต้องลองไปกันดูนะ
9. Wraptor
Wraptor ร้านอาหาร Texas Mexican ในบรรยากาศสุดชิล ใจกลางอารีย์ บอกเลยว่า ใครที่อยากลิ้มลอง รสชาติอาหารเม็กซิกัน แบบแท้ๆ ต้องมาลองร้านนี้ที่ตกแต่งสไตล์ Tropical Loft เขียว-ขาว น่ารัก ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านอาหาร แต่การตกแต่งออกมาได้เหมือนกับได้นั่งคาเฟ่ดีดีที่นึงเลยครับผม
พิกัดร้าน ตั้งอยู่ที่ซอยอารีย์สัมพันธ์ 2 ความพิเศษของร้านนี้ คือ ภายในร้านเอง โต๊ะให้นั่งทานส่วนมากมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เหมาะแก่การมานั่งทานกันเป็นหมู่เพื่อน หรือแก๊งเป็นที่สุด แต่คนที่มาทานคนเดียวก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะที่ร้านเค้าก็มีโต๊ะขนาดเล็กรับรองให้บริการอยู่ด้วยน้า
เมนูที่ก๊อตสั่งมาลองกินของร้านนี้คือ อยากแรก Philly Cheese Steak taco (140 บาท) แน่นอนว่าถ้าพูดถึง Philly Cheese steak แล้วเนี่ย ความหอมต้องลอยออกมาแน่นอน แล้วร้านนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะตัวชีสหอมมาก ตัดกับเนื้อนุ่มๆ ที่ถูกห่อหุ้มด้วยแป้ง taco ซึ่งตัวแป้ง taco เองก็สามารถเลือกได้ว่าจะเอาแบบไหน แบบนุ่ม หรือแบบกรอบ ตัวก๊อตเองสั่งแบบนุ่มมา บอกเลยว่า ราดซอสลงไปนิดนึงเพิ่มความเผ็ด คือดีมากก เนื้อนุ่มๆ กับความหอมของ cheese เข้ากันอย่างลงตัว เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ต้องมาลอง
นอกจาก taco แล้ว Maxican Frieds (79 บาท) เฟรนช์ฟรายสไตล์แม็กซิกันชิ้นโต ได้เนื้อสัมผัสของมันฝรั่งแบบเต็มๆ ตัวเฟรนช์ฟรายถูกทอดออกมาได้อย่างดีมาก กรอบนอกนุ่มใน กินแล้วเพลินเป็นที่สุด
สุดท้ายกับเมนูขึ้นชื่ออย่าง Taco with dip Salsa & Guacomole (155 บาท) ที่เค้านำ Taco หั่นเป็นชิ้นๆ แล้วทำไปทอด มาจิ้มซอสสองประเภท ทั้ง salsa และ Guacomole ตัว guacomole ได้ความมันของอโวคาโดแบบจัดเต็ม แต่ดูเหมือนว่าตัวเครื่องปรุงที่นอกเหนือจากอโวคาโดจะผสมกันเยอะไปนิด ส่วนตัวก๊อตชอบแบบที่อโวคาโดเยอะๆ มากกว่า แต่อันนี้ก็ได้รสชาติไปอีกแบบ แบบชนิดที่เรียกว่าถึงรสถึงเครื่อง!
ทั้งหมดนี่คือร้านที่น่าสนใจในย่านอารีย์ช่วงนี้ ที่อยากแนะนำให้ได้ลองไปโดน
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลกหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡