กรุงเทพในวันนี้ หลายๆคนอาจจะเห็นว่ามีการเปิดตัวของโรงแรมใหม่ๆกันอย่างคับคั่งมากหน้าหลายตา บางที่มาพร้อมกับจุดขายเก๋ๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำเลที่ตั้ง การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงดีไซน์และการตกแต่งที่เป็นจุดสำคัญในการทำให้ผู้เข้าพักประทับใจไม่รู้ลืม และวันนี้เอง ก๊อตก็จะพาทุกคนมารู้จักกับโรงแรมสุดฮิปย่านห้วยขวางที่ต้องบอกเลยว่ามีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนจนพูดได้เต็มปากว่ามีแค่ 1 เดียวในประเทศไทยอย่างแน่นอนกับ MeStyle Garage Hotel Bangkok
MeStyle Garage Hotel Bangkok
MeStyle Garage Hotel Bangkok เป็น Artist Design Hotel ที่เกิดจากความชื่นชอบของสะสมเกี่ยวกับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และศิลปะของเจ้าของที่ถูกนำมาออกแบบและตกแต่งด้วยกันได้อย่างลงตัวจนออกมาเป็นโรงแรมสไตล์โรงรถ (Garage Hotel) ซึ่งหาได้ยากมากในประเทศไทย ผสมผสานกับความติสต์ของนักออกแบบอย่าง อาจารย์กิติศักดิ์ สุธรรมโชติ (อาจารย์เม้ง) ที่ฝากผลงานไว้กับโรงแรมชื่อดังมากมายอย่าง Siam @ Siam ด้วยการออกแบบที่จัดจ้านและเต็มไปด้วยจินตนาความสร้างสรรค์เลยทำให้ที่นี่เหมือนกับมิวเซียมงานศิลป์ขนาดย่อมๆเลยทีเดียว
สิ่งที่ประทับใจของที่นี่คือการนำของสะสมและของเก่าที่ในสายตาของคนทั่วไปอย่างเราอาจจะดูไม่มีค่าอะไร แต่อาจารย์เค้านำสิ่งของเหล่านี้มาออกแบบและสร้างสรรค์ให้เข้ากับโรงแรมได้อย่างสวยงาม แถมยังเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุดอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นป้ายทะเบียนรถจากต่างประเทศที่นำมาตกแต่งเป็นเคาน์เตอร์เช็คอิน ชิ้นส่วนรถยนต์ที่เอามาทำเป็นที่นั่งในห้องอาหาร กระจกมองข้างมอเตอร์ไซค์ที่ทำเป็นที่แขวนกระดาษทิชชู่ หรือแม้แต่ท่อไอเสียรถยนต์ที่นำมาเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งในห้องพักเองก็ตาม
ของหลายๆชิ้นนั้นต้องบอกเลยว่ามีคุณค่าทางจิตใจต่อเจ้าของอย่างมาก เช่น รถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกจัดแสดงอยู่บริเวณลานจอดรถบางคันเป็นคันที่เจ้าของโรงแรมใช้รับส่งลูกสมัยไปโรงเรียนด้วยนะ!
Rooms & Facilities
บรรยากาศการตกแต่งของที่นี่จะออกแนวดิบๆสไตล์ loft ผสมผสานกับงานศิลป์ที่ถูกถ่ายทอดผ่านการประยุกต์และออกแบบของใช้ของสะสมต่างๆให้สามารถใช้งานได้จริง โดยห้องพักของ MeStyle Garage Hotel Bangkok ที่นี่รองรับผู้เข้าพักได้ทั้งหมด 75 ห้อง แบ่งออกเป็น 5 แบบด้วยกัน
– Standard Room – ห้องพักสำหรับ 2 คน ไซส์เล็ก
– Standard Room Plus – ห้องพักสำหรับ 2 คน ไซส์ใหญ่
– Triple Room (Small) – ห้องพักสำหรับ 3 คน ไซส์เล็ก
– Triple Room (Large) – ห้องพักสำหรับ 3 คน ไซส์ใหญ่
– Experience Room – ห้องพักสำหรับ 2 คน ตกแต่งตามธีม ลิมิเต็ด 1 ธีมต่อ 1 ห้องต่อ 1 ชั้นเท่านั้น
นอกจากห้องพักที่มีอยู่หลากหลายรูปแบบและสไตล์ที่แตกต่างกันแล้ว ทางเดินแต่ละชั้นของ MeStyle Garage Hotel Bangkok ยังไม่เหมือนกันแต่ละชั้นด้วย ทั้งแสงสี รวมถึงดีไซน์ต่างๆ บอกเลยว่าเค้าคิดมาอย่างดีและเท่ห์สุดๆ
Standard Room Plus
สำหรับห้องที่ก๊อตได้นอนในครั้งนี้คือ ห้องแบบ Standard Room Plus ขนาดห้อง 30 ตารางเมตร ที่มีขนาดห้องกว้างกว่าห้อง Standard Room อยู่นิดหน่อย การตกแต่งของห้อง Standard Room นั้น จะมีในดีไซน์แบบดิบๆ ที่ให้อารมณ์แบบการาจ (Garage) หน่อยๆ มีการตกแต่งด้วยงานศิลปะจากโลหะและเหล็กเชื่อมอย่างงานศิลปะตกแต่งผนัง โคมไฟ รวมถึงเสาและคานห้องที่ดูเหมือนโครงเหล็ก ฟีลลิ่งห้องพักนี้ค่อนข้างเท่ห์พอตัวเลย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีมาให้ครบครัน ตั้งแต่เตียงนอนขนาดใหญ่ที่นอนสบาย เก้าอี้อาร์มแชร์ โต้ะนั่งทำงาน ตู้เย็น หรือแม้แต่ตู้นิรภัยก็ตาม ที่สำคัญคือที่นี่มีให้บริการฟรี WiFi สัญญาณแรง รวมถึงห้องน้ำขนาดใหญ่พอดี แถมห้องแบบ Standard Room Plus ยังมีระเบียงที่เราสามารถเดินออกไปนั่งกินลมชมวิวห้วยขวางได้อีกด้วย อย่างเก๋อ่ะ
สำหรับใครที่อยากเอางานมาเคลียร์ระหว่างพักผ่อนไปด้วยก็สามารถแบกโน้ตบุ๊คมาได้นะ เพราะที่นี่เค้าจัดสรรพื้นที่ห้องไว้เป็นสัดส่วนชัดเจนจ้า
ใครที่ไม่ได้เอาสบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน หรือแปรงสีฟันมา บอกเลยไม่ต้องห่วง เพราะห้องเค้ามีมาให้หมดแล้ววว ไม่ว่าจะเป็น ผ้าขนหนู ไดร์เป่าผม รองเท้าแตะ ชุดผ้าคลุม Bath & Shower Kits นั่นเอง
Experience Rooms
ในส่วนของ Experience Rooms อย่างที่บอกแต่แรกคือ จะเป็นห้องที่ออกแบบให้มีเอกลักษณ์เฉพาะห้องภายใต้ธีมที่ไม่ซ้ำกันทั้ง 6 ธีม ตั้งแต่ชั้น 2 – ชั้น 7 แบ่งออกเป็นธีมในแต่ละชั้น ไม่ว่าจะเป็น ซาฟารี (Safari) , คาสโนว่า (Casanova), ดีพ โอเชี่ยน (Deep Ocean), การาจ (Garage), เดอะ สไปรัล (The Spiral) และ อิน ทู เดอะ วูด (Into The Wood) ห้องทั้งหมดนี้ เราจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละห้อง ทั้ง Mood & Tone และการตกแต่งที่ก๊อตเชื่อว่า เราไม่สามารถหาห้องพักแบบนี้ที่ไหนได้ในประเทศไทยอีกแน่ๆ
ห้องแรกอย่าง ซาฟารี (Safari) ที่มีสัตว์เป็นของตกแต่งทั่วห้อง ไม่ว่าจะเป็นนกที่เชื่อมจากเหล็ก หัวกวางติดผนัง ผ้าห่มลายเสือดาว หมอนลายกวาง รวมถึงผนังเพนท์ลายสัตว์ ทั้งหมดรวมกันแล้ว เหมือนเราหลุดเข้าไปในซาฟารีจริงๆ นี่อยากจะบอกว่า ถ่ายรูปในห้องคือโคตรสวยยยยย ลงรูปอวดในไอจีได้เลย
การาจ (Garage) กับการตกแต่งสไตล์โรงรถของแท้ที่เต็มไปด้วยท่อไอเสียรถยนต์ ไฟหน้ารถ รวมถึงชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆของรถยนต์ ทำให้บรรยากาศเหมือนกับเราอยู่ในโรงรถตามฉากในหนังยังไงยังงั้นเลยล่ะ
ดีพ โอเชี่ยน (Deep Ocean) อลังการงานสร้างกับมุมหัวเตียงที่เป็นปะการังเทียมสีสันจัดจ้าน พร้อมกับมีเต่าที่เหมือนกำลังว่ายน้ำอยู่ ถ้าได้ลองนอนมองขึ้นไปบนเพดานห้อง จะได้เห็นเป็นฉากของฝูงปลาที่กำลังว่ายอยู่ในทะเลดูแล้วเหมือนเราได้อยู่ใต้มหาสมุทรเลยจริงๆ
คาสโนว่า (Casnova) จะเป็นการตกแต่งห้องสไตล์หนุ่มนักรักที่น่าหลงใหลผู้ชื่นชอบความท้าทายและความสปอร์ต ตกแต่งด้วยเหล็กขึ้นรูปสไตล์โรมัน ดูแล้วเหมือนกับอยู่ในห้องของคาสโนว่าจริงๆ
เดอะ สไปรัล (The Spiral) ตกแต่งด้วยชิ้นส่วนสปริงที่ใช้ซับแรงกระแทกของรถยนต์กับพื้นถนนและอะไหล่ต่างๆของรถที่ขดกันเป็นเกลียว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อห้อง Spiral ที่แปลว่า เกลียวนั่นเอง ความเก๋ของห้องนี้คือเก้าอี้ปลายเตียงที่ถูกดีไซน์เหมือนชิงช้าโซ่ ดูเท่ห์ไปอีกแบบเนอะ
[/su_row]
จากที่ก๊อตได้เข้าไปดูมาทั้งหมด ห้อง Experience Rooms ของที่นี่นอกจากห้องจะกว้างและเตียงนุ่มนอนสบายตลอดทั้งคืนแล้ว ยังเป็นที่ที่เราจะได้ค้นหาไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ผ่านผลงานการออกแบบที่เจ๋งๆอย่างแน่นอน!!!
ชมวิวย่านห้วยขวางบน Rooftop
ส่วนใครที่ชอบบรรยากาศชิลๆ ขอแนะนำให้ขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 8 กันต่อดีกว่า เพราะที่ชั้นนี้จะเป็นชั้นดาดฟ้าของโรงแรมที่มีไว้สำหรับเช่าจัดงานอีเว้นท์ ปาร์ตี้ส่วนตัว หรืองานในโอกาสพิเศษต่างๆ และไฮไลท์ของชั้นนี้เลยก็คือเจ้า Airstream หรือที่เรารู้จักกันว่า รถบ้าน ทั้ง 2 คันที่ถูกยกขึ้นมาวางไว้บนดาดฟ้าในโซนไพรเวทสำหรับแขกคนพิเศษของโรงแรมโดยเฉพาะ ซึ่งตรงชั้นนี้เองก็เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่ทางโรงแรมเค้าตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อเป็นทั้งจุดชมวิวและจัดงานไปในตัวด้วยกันเลย
บรรยากาศของห้วยขวางตอนเย็นจากชั้นดาดฟ้าก็เป็นอีกจุดที่บรรยากาศดีเหมาะแก่การมานั่งชิลๆเหมือนกันนะ เอ้อ!
ใครที่อยากจะขอแฟนแต่งงานบนชั้นดาดฟ้า ที่นี่ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่ดีไม่แพ้ในเมืองเลย เพราะนอกจากจะได้เอ็นจอยบรรยากาศบน rooftop แล้ว เรายังสามารถมาพักใน Airstream แบบโรแมนติกกันได้อีกด้วย และนี่ก็ขอบอกเลยว่าเจ้า Airstream ทั้ง 2 คันนี้ไม่ได้เปิดให้แขกเข้าพักแบบห้องอื่นทั่วๆไปนะ เค้ามีไว้สำหรับแขกในโอกาสพิเศษจริงๆ ลิมิเตดเว่อรรรรร์
ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะขึ้นมาบน Rooftop คือช่วงเช้าที่แดดยังไม่ออก และช่วงเย็นที่จะเปลี่ยนเป็นคนละบรรยากาศกับตอนเช้าอย่างสิ้นเชิงด้วยป้ายไฟชื่อโรงแรมที่ฟีลลิ่งเหมือนกับอยู่ต่างประเทศเลยนะเว้ยยย
สำหรับ Airstream หรือรถบ้านทั้ง 2 คันนี้ไม่ใช่ว่าอยากนึกจะยกมาวางก็วางได้เลยนะ กว่าจะมาเป็นห้องแบบนี้ได้ ทีมงานถึงกับต้องออกแบบเจาะช่องแอร์ เดินท่อน้ำ ต่อสายไฟกันยกใหญ่เชียว ซึ่งนี่บอกเลยว่าเค้าทุ่มทุนและตั้งใจทำขึ้นมาจริงๆเพื่อให้แขกได้รับความสะดวกสบายตลอดการพักผ่อนที่นี่
ก๊อตเองก็ได้มีโอกาสแวะเข้าไปดูบรรยากาศใน Airstream มาแล้วทั้ง 2 คัน ขอบอกเลยว่า มันดีมากกกกกกกกกกกกก เพราะทางโรงแรมเค้าทุ่มทุนกับการออกแบบทั้งการยกเครื่องปรับอากาศ เตียงนอน โซฟา รวมถึงห้องน้ำมาไว้ในนี้แบบถาวรกันเลยทีเดียว ที่เด็ดกว่านั้นคือศิลปะการเพ้นท์ลวดลายบนเพดานหลังคาที่ดูแล้วแฟนซีและเหมาะแก่การถ่ายรูปลงโซเชียลอวดเพื่อนๆมากนักแหละ 555555
53 Cafe and Bar
นอกจากห้องพักและชั้นดาดฟ้าที่บรรยากาศโคตรดีย์แล้ว ที่นี่ยังมีคาเฟ่และร้านอาหารกึ่งบาร์ให้เราได้ฝากท้อง พร้อมชมวิวย่านห้วยขวางกันอีกด้วยกับ 53 Cafe and Bar ที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของโรงแรมนี้เอง และตรงนี้นี่แหละจะเป็นที่ฝากท้องของเราตั้งแต่ Breakfast ยัน Dinner ได้เลย โดย Breakfast จะเริ่มตั้งแต่ 07:00-10:00 น. และจะเปิดอีกทีเป็น All Day Dining ตั้งแต่ตอน 11:00-24:00 น. เอาใจคนชอบนั่งชิลตอนกลางคืนด้วยเลย
Breakfast / อาหารเช้า
ในส่วนของ Breakfast ที่นี่จะมีให้เลือก 3 เมนูด้วยกัน โดยจะเป็น อาหารเช้าสไตล์อเมริกัน (American Breakfast) หรือ Egg Benedict แต่ใครที่ไม่ชอบอาหารฝรั่งก็ไม่ต้องโอดครวญไป เพราะเค้ายังมี โจ๊กหมู / ไก่ เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนไทยเช่นกันนะจ้า และทุกเมนูจะเสิร์ฟพร้อมกับครัวซองต์ (Croissant) และผลไม้อีกด้วยเป็นอันจบชุดอาหารเช้าเด้อออ
ส่วนใครที่ยังไม่อิ่มกับ Breakfast ก็ยังมีบาร์ขนมปังแผ่นไว้ปิ้งกับเครื่องปิ้ง พร้อมแยมผลไม้ หรือใครอยากกินซีเรียลใส่นมก็สามารถบริการตัวเองได้เลย นอกจากนี้ยังมีน้ำผลไม้ ชา และกาแฟให้เลือกหยิบเลือกเทได้แบบไม่อั้นอีกด้วยนะจ้าาา เอาให้อิ่มกันไปข้างเล้ยยย 55555
All Day Dining
มาที่ All Day Dining กันบ้างกับไฮไลท์จานหลักที่คงหนีไม่พ้นเมนูเบอร์เกอร์ (Burger) อย่าง เบอร์เกอร์ลาบ (Larb Burger (Papa’s Fav) / 290.-) ที่รสชาติจัดจ้านสไตล์ไทย และ เบอร์เกอร์ชาร์โคลกุ้งทอดหน้ามะม่วง (Shrimp&Mango Burger / 290.-) ที่ฝรั่งก็สามารถกินได้เหมือนกัน ซึ่งก๊อตมารู้ทีหลังว่าทางโรงแรมเค้าลงทุนถึงกับให้ Food Stylist มาคัดสรรออกแบบเมนูกันเลยทีเดียว…ไม่น่าล่ะ! รสชาติถึงได้อร่อยเบรคแตกมากกกกกก 55555
นี่ยังได้รู้อีกว่าสาเหตุที่เค้าชูเมนู เบอร์เกอร์ลาบ เป็นเมนูแนะนำ (Recommended Menu) ของที่นี่ก็เพราะเจ้าของชอบทานลาบมากนั่นเอง ทาง Food Stylist ก็เลยบรรจงคัดสรรเมนูนี้ออกมาให้ถูกใจทั้งคนไทยและคนต่างชาติจนออกมาเป็นเมนูฟิวชั่นอย่างที่เห็นนี่ล่ะ! แถมใครสังเกตที่เมนูจะเห็นวงเล็บต่อท้ายชื่อเมนูว่า Papa’s Fav อีกด้วยซึ่งเป็นการบอกนัยๆว่า นี่แหละจานโปรดของเจ้าของที่นี่
นอกจากเบอร์เกอร์แล้วก็ยังมีเมนูอื่นๆให้เลือกชิมกันได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ซี่โครงหมูบาร์บีคิว (BBQ Ribs / 490.-) และ พาสต้าเบคอนกระเทียม (Garlic Bacon Pasta / 240.-) ที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายบนโต๊ะอาหารได้เช่นกัน
สายไดเอ็ทก็ไม่ต้องวิตกไป เพราะจะบอกว่าเมนูสลัดที่นี่ก็ดีงามไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ สลัดกุ้งทอดแตงโม (Popcorn Shrimp Watermelon Salad / 320.-) ที่นี่เลิศมากกกก ตัวกุ้งทอดให้ความกรอบตัดกับรสชาติและความชุ่มจากเนื้อแตงโมทำให้สลัดจานนี้กลมกล่อมกำลังดี // ส่วนอีกเมนูกับ มันบด (Hasselback Potato / 150.-) ก็อร่อยไม่แพ้กันกับความชีสหน้าล้นบนมันบด พร้อมโรยหน้าด้วยเบคอนกรอบ ซึ่งเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ขนาดสายหนักกินเนื้ออย่างเราพอได้ชิมแล้วยังปลื้มปริ่มแถมซัดหมดแบบไม่รู้ตัวนาจา 55555
ย้ายมาฝั่งเครื่องดื่มที่เราอยากแนะนำกันบ้างดีกว่า ซึ่งนี่ขอแนะนำเมนูไฮไลท์อย่าง วนิลามอลต์มิวค์เชค (Vanilla Malt Milkshake / 140.-) ที่หน้าตาได้รางวัลชนะเลิศมากกกก จัดหนักจัดเต็มถ่ายรูปแล้วฟรุ้งฟริ้งแน่นอน และ แพชชั่นฟรุ๊ตโซดา (Passion Fruit Soda / 95.-) ที่ไม่ใช่แค่การใส่ไซรัปเสาวรสเหมือนร้านข้างนอกบางร้านที่ชอบทำกัน แต่ที่นี่เค้าจัดมาทั้งผลและเนื้อแบบเต็มปากเต็มคำกันเลย ที่สำคัญคือรสชาตถือว่าดีเลยแหละ แถมเลือกระดับความหวานได้อีก
ใครที่เลือกไม่ถูกว่าจะสั่งแก้วไหน แนะนำว่าใครที่ชอบถ่ายรูปให้สั่ง วนิลามอลต์มิวค์เชค ส่วนใครที่อยากสดชื่นให้ไป แพชชั่นฟรุ๊ตโซดา โลด // ส่วนตัวก๊อตเองชอบ แพชชั่นฟรุ๊ตโซดา แหละ เพราะดื่มแล้วสดชื่นจริง แถมยังเลือกระดับความหวานได้อีกด้วย ได้ใจก๊อตก็ตรงนี้แหละ ฮาาาาา
สำหรับเครื่องดื่มอย่างกาแฟก็มีให้เลือกสั่งกันได้ ทั้งอเมริกาโน่ ลาเต้ คาปูชิโน่ ยกกันมาครบทีม หรือถ้าใครอยากลองยาคูลท์ปีโป้ของที่นี่ก็เป็นอีกช้อยส์ที่น่าลองเหมือนกัน ใครที่ไม่ชอบหวานมากก็สามารถบอกพี่ๆพนักงานได้เหมือนกันน้า
อีกเมนูเครื่องดื่มที่น่าลองของที่นี่ก็คือ คราฟต์เบียร์ (Craft Beer) ที่มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อและรสชาติมาก ยิ่งถ้าคอเบียร์ด้วยแล้วยิ่งต้องลองจริงๆ
อีกหนึ่งไอเดียที่เจ๋งไม่เบาก็คือการนำโครงรถเก่าครึ่งคันที่มีอยู่เดิมมาดัดแปลงเป็นที่นั่งกินข้าวในห้องอาหาร เนี่ยแหละ! ความคิดสร้างสรรค์ที่แท้ทรูจริงๆ
นอกจากโซนห้องอาหารแล้ว ฝั่งตรงข้ามยังมีห้องอีกห้องที่เอาไว้รองรับแขกเวลาที่ห้องอาหารเต็ม หรือจะใช้เป็น co-working space ในช่วงเวลาอื่นๆได้เหมือนกัน ซึ่งการตกแต่งห้องจะยังคงเป็นสไตล์การาจอยู่เหมือนเดิม แต่จะมีความจัดจ้านในการนำล้อแม็กซ์รถมาทำเป็นชุดโคมไฟที่อยู่กลางเพดานให้อารมณ์ความดิบไปอีกแบบ
ตรงนี้เป็นอีกจุดที่ก๊อตชอบ ซึ่งช่วงเย็นๆแดดไม่ร้อน เราสามารถสั่งเบียร์มานั่งจิบเบียร์ท่ามกลางลมเย็นๆ ชมวิถีชีวิตของคนแถวนี้ได้เหมือนกันอีกด้วยนะ
ไฮไลท์สุดท้ายที่พิเศษในช่วงเย็นของ 53 Cafe and Bar ก็คือ วงดนตรีสด ที่จะมาเพิ่มบรรยากาศความชิลตรงโซนเอาท์ดอร์ที่นี่ชอบมากเพราะตรงนี้อยู่ตรงช่องลมพอดี เหมาะแก่การนั่งจิบเบียร์ ฟังเพลงชิลๆนักแหละ 555555
พิกัดโรงแรม MeStyle Garage Hotel Bangkok
สำหรับที่ตั้งของ MeStyle Garage Hotel Bangkok จะอยู่ในซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 7 มาได้ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว หรือจะนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงสถานีห้วยขวาง ออกทางออกประตู 1 แล้วนั่งแท๊กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์เข้ามาจะสะดวกและเร็วกกว่าเดินเท้าเข้ามาเน่อออ
ใครที่เบื่อๆกับการนอนอยู่บ้าน อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศที่นอน หรืออยากมาเดินเที่ยวแถวห้วยขวาง สักการะศาลพระพิฆเนศ หาของกินอร่อยๆที่ตลาดห้วยขวาง เดินช็อปปิ้งที่ตลาดนัดรถไฟรัชดา ต่อด้วยศูนย์การค้า The Street แล้วจบด้วยการมานอนพักโรงแรมเก๋ๆอย่าง MeStyle Garage Hotel Bangkok ก็เป็นอีกไอเดียที่เจ๋งไม่แพ้กันน้า
สรุปรีวิวโรงแรม MeStyle Garage Hotel Bangkok
จากที่ก๊อตได้พักที่นี่ถึง 2 คืน 3 วัน ก็ต้องขอปรบมือให้กับเจ้าของผู้ก่อตั้ง MeStyle Garage Hotel Bangkok จริงๆกับความกล้าที่จะเสนอการออกแบบโรงแรมและห้องพักในรูปแบบใหม่ๆที่จะพาเราไปซึมซับกับศิลปะ สนุกไปกับจินตนาการ ไอเดียเจ๋งๆ รวมถึงจุดถ่ายรูปเก๋ๆที่มีอยู่ทุกซอกทุกมุมของโรงแรม ไม่เว้นแม้แต่ห้องพัก โดยเฉพาะ Experience Rooms ทั้ง 6 สไตล์ที่นี่ชอบเป็นพิเศษเลยล่ะ
แหม๊! พูดมาขนาดนี้แล้วก็อย่ารอช้า รีบมาพิสูจน์ด้วยตัวเองกันด่วนๆเลยจ้าา
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MeStyle Garage Hotel Bangkok สามารถดูลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ ❤
Instagram: https://www.instagram.com/mestylegarage
Facebook: https://www.facebook.com/mestylegaragehotel/
Official Website: http://www.mestylegarage.com