เมืองที่ไปง่ายและไปได้บ่อยไม่ไกลจากกรุงเทพ ส่วนตัวก๊อตขอยกตำแหน่งนี้ให้กับเมืองพัทยา ชลบุรีเป็นอันดับหนึ่ง เพราะนอกจากที่เราจะสามารถขับไปรถไปได้เองแบบง่ายๆ ภายในสองชั่วโมง เมืองพัทยาตอนนี้เค้ายังเจริญไปไกล มีคาเฟ่ มีร้านอาหาร และมีห้างสรรพสินค้าดีๆ ที่บอกเลยได้ว่า ‘อยู่พัทยาก็เหมือนอยู่กรุงเทพ’ เลยจริงๆ ล่าสุดไม่นานมานี้ ได้มีโอกาสไปเที่ยวพัทยาทั้งที นี่เลยขอตัวไป Cafe Hopping Pattaya กันหน่อยว่าเค้ามีร้านเด็ดอะไรบ้าง มาดูกัน
Casa Lapin XL Pattaya
เริ่มคาเฟ่แรกของทริป Cafe Hopping Pattaya กับร้านใหม่ล่าสุดที่ Casa Lapin XL Pattaya ร้านดังจากกรุงเทพที่ตอนนี้เค้ามาเปิดสาขาใหม่ไซส์ XL แถวพัทยาเหนือนั่นเอง เห็น Casa Lapin มาเปิดที่พัทยาทั้งที เค้ามาแบบจัดเต็มมาก เพราะนอกจากความเป็น Specialty Coffee กับกาแฟที่โดดเด่นของ Casa Lapin แล้ว เค้ายังพา Pancake Café กับแพนเค้กแป้งนุ่ม และขนมหวานจาก CODE Cafe of Desserts มาด้วย บอกเลยว่า มาที่นี่คือครบตามไซส์ XL เพราะมีทั้งอาหาร ของหวาน และกาแฟที่มีทั้ง Espresso Bar และ Slow Bar
ใครที่ยังไม่คุ้นหน้าคุ้นตา Casa Lapin แล้วล่ะก็ นี่จะบอกว่าเค้าเป็น Specialty Coffee ที่ทำและเลือกเองทุกขั้นตอนของการทำกาแฟเชียวนะ ซึ่งเมล็ดกาแฟทั้งหมดที่เค้าใช้นั้นมาจาก เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน ที่มีคุณภาพสูง ให้รสเปรี้ยว สดชื่น ให้หอมเหมือนช็อคโกแลต นอกจากนี้ยังมีเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศอีกมากมายที่เค้าคัดเลือกมาอย่างดีอีกด้วย อันนี้คอนเฟิร์มเลยว่าดีม๊าก และถ้ามา Casa Lapin เมื่อไหร่ สิ่งแรกที่ต้องสั่งเลยคือกาแฟ นะแจ๊ะ
เรามาเริ่มกันที่ตัวกาแฟกันก่อนกับเมนูพิเศษ MELLOW MELLOW (150 บาท) ที่เยิ้มด้วยท็อปปิ้งครีมซินนามอน พร้อมด้วยกาแฟที่ให้สัมผัสรสของ Vanilla และ Hazelnut ที่เข้ากันได้อย่างดิบดี บอกเลยว่าอันนี้ต้องลอง และนี่รู้มาว่า เมนูนี้เป็นแบบ Seasonal ด้วยนะ ดังนั้น ไม่ได้หากินได้ง่ายๆเด้อ
กาแฟอีกตัวที่สั่งมาคือ Tropical Soul (150 บาท) ที่รสชาติดี แถมยังถ่ายรูปสวยอีก ตัวนี้เหมาะกับการกินคลายร้อนหลังจากเที่ยวมาหนักๆ แล้วอยากได้ความสดชื่นของกาแฟ เสารส และคาราเมลที่เข้ากันได้อย่างดี นี่เป็นอีกกาแฟตัวที่อยากแนะนำให้ลองนะเออ
มาต่อกันที่อาหาร เมนูที่ก๊อตสั่งคือ Avocado Toast with Rocket Salad and Ricotta Cheese (260 บาท) ที่เหมาะเป็นมื้อเช้าเบาๆ แต่ให้คุณค่าทางอาหารสูง เพราะมีซุปเปอร์ฟู๊ดอย่างอโวคาโดที่เค้าใส่มาเต็มหน้าขนมปังเลยล่ะ อันนี้อร่อยมากกก ส่วนอีกจานที่ตามมาคือ Salmon Teriyaki (320 บาท) สำหรับคนชอบปลาแซลมอนแบบนุ่มฉ่ำๆ ซึ่งตัวนี้ก็อร่อยมากเช่นกัน
สุดท้ายพลาดไม่ได้กับของหวานที่เป็น Signature จาก Pancake Café และ CODE Cafe of Desserts นั่นคือ Ichigo Heaven แพนเค้กสตอเบอร์รี่ ที่แป้งนุ่มได้ใจ ท็อปปิ้งด้วยสตอเบอร์รี่ และ Croissant Salted Egg Lava ที่นี่ขอบอกว่า ลาวาไข่เค็มนี่โคตรอร่อยเลย อันนี้ต้องสั่งจริงๆเด้อ
Tea Factory And More Pattaya
หากใครชอบสไตล์วินเทจแบบคลาสสิค แนะนำให้มาต่อกันที่ร้าน Tea Factory And More Pattaya ได้เลย เพราะการตกแต่งภายในร้านนั้น เค้าได้แรงบันดาลใจมาจากโรงงานชาที่ศรีลังกา ผสมกลิ่นอายยุโรปที่ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เข้ามาตกแต่งได้อย่างลงตัว ใครที่ชอบบรรยากาศอะไรแบบนี้ แนะนำว่าต้องมา และคอนเฟิร์มอีกเสียง ว่าถ่ายรูปสวยมาก!
เมนูของ Tea Factory And More Pattaya ที่ต้องลองคือชาที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยเค้านำเข้าใบชามาทั้งหมด 8 ประเทศเลยทีเดียว มาครั้งนี้ เราขอลองเป็นเครื่องดื่มอย่างเดียวก่อน ถ้ามีโอกาสได้มาอีกรอบ นี่จะไม่พลาดกินอาหารแน่นอน
แน่นอนว่ามาที่นี่ก็ต้องสั่งชากันก่อนกับ La Vie En Rose (100 บาท) ที่เป็นชากุหลาบโคลด์บรูว์ที่มาในขวดเท่ห์ๆที่หาดื่มได้เฉพาะที่ Tea Factory And More เท่านั้น บอกเลย .. ชาเค้ามีกลิ่นหอม รสชาอร่อย แถมเมื่อดื่มแล้วยังรู้สึกสดชื่นอีกด้วย อันนี้แนะนำ
อีกแก้วตามมาติดๆ คือ Cylon Latte (140 บาท) กับชาซีลอนผสมนม ส่วนตัวว่ารสของนมนำมากหน่อย แต่รวมๆก็อร่อยดี และ Iced Americano (95 บาท) ที่ดีตามมาตรฐาน
สรุป คนที่ชอบดื่มชาเป็นชีวิตจิตใจคงต้องหาเวลาว่างมาเยือนที่นี่ซักครั้ง เพราะ Tea Factory And More Pattaya คือตัวจริงเสียงจริงเรื่องชาตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้นั่นเอง และนอกจากที่เราจะได้จิบชาชิลๆแล้ว บอกเลยว่ารอบๆของตัวร้าน รวมถึงพื้นที่ในโครงการ อะลาคอมปาณย์ (A’ La Campagne Pattaya) ยังถ่ายรูปได้เก๋ไก๋เหมือนเราไปเที่ยวยุโรปอีก ทั้งหมดทั้งมวลของที่นี่คือดีงาม!
Ordinary Coffee
หากใครที่จริงจังในเรื่องการดื่มกาแฟ แล้วอยากลองหาร้านกาแฟดีๆซักร้าน แนะนำให้มาคาเฟ่แรกอันนี้กันก่อนกับ Ordinary Cafe คาเฟ่หน้าตาดีกับตึกสีดำเรียบที่มีความเป็นมินิมอลและดูฮิปเบาๆ ซึ่งนอกจากจะตึกสวยเก๋แล้ว ที่นี่คือคาเฟ่ที่มีความ Specialty Coffee ให้เลือกรสชาติจากเมล็ดกาแฟได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบ Single Origin, House Blend และ Special Blend พิเศษของ Ordinary Cafe อีกด้วย
ใครที่อยากกิ๊บเก๋ จิบกาแฟแบบสโลวๆ ที่นี่เค้ามี Slow Bar ให้เรานั่งรีแลกซ์กับการดื่มกาแฟอย่างพวก Aeropress, Drip, Syphon และ Cold Brew ด้วยอีกเช่นกันเด้อ
สำหรับแก้วที่ก๊อตได้สั่งมานั้น คือ Iced Black Yen /w Special Blend (105 บาท) ตัวกาแฟค่อนข้างหอมไม่เบา รสความเข้มปานกลาง ไม่เปรี้ยวนะ โดยรวมแล้วชอบ ส่วนอีกอันคือ Hot Macchiato /w Special Blend (80 บาท) ที่หอมกลิ่นกาแฟ และอร่อยได้รสชาติ
อีกหนึ่งอย่างที่น่าสนใจ สำหรับใครที่อยากลองอะไรแปลกใหม่ ที่นี่เค้ามี Castown / แคสทาวน์ (65 บาท) โซดาคราฟท์ของคนไทย ที่นำเอาเปลือกกาแฟมาเล่นแร่แปรธาตุจนกลายเป็นโซดาซ่าอย่างที่เห็น
บอกตรงๆ ว่านี่ไม่ได้รู้จักมาก่อน แต่เห็นขวดหน้าตาเหมือนจะเป็นเบียร์แต่ไม่ใช่ นี่เลยจัดมาซะหน่อย ซึ่งรสที่ได้กินคือแบบ Low Sugar ซึ่งเอาตรงจริง คือมันเปรียวเหมือนยาที่ไม่ค่อยถูกใจเราเท่าไหร่ แต่หลายคนบอกกันมาว่าอร่อย จริงไม่จริง ยังไงเดี๋ยวนี่ต้องหารสชาติอื่นมาลองชิมดู งื้ออ
Skoop Beach Cafe
มาคาเฟ่ที่สามกันต่อ เราจะเปลี่ยนบรรยากาศคาเฟ่จากร้านแรกให้เป็นแนวชิคๆกันบ้าง กับร้าน Skoop Beach Cafe ที่ตั้งอยู่ติดริมหาดพัทยา ที่เสิร์ฟหมดทุกไลน์ของความเป็นคาเฟ่ ตั้งแต่กาแฟ ชา แฟรปเป้ วัฟเฟิ้ล และไอศรีม ทำเลดีติดริมหาดขนาดนี้ การได้มานั่งชิล กินขนมหวานริมทะเล ก็เป็นไอเดียที่ไม่เบาเลยนะเว้ย มาดูกันดีกว่า ว่าเราสั่งอะไรกันไปบ้าง
Iced Coffee (120 บาท) และ Iced Thai Tea (120 บาท) สองแก้วนี้คือคล้ายกัน ด้วยการนำชาไทย/กาแฟ โปะด้วยไอติมวนิลาด้านบน โดยรวมคือโอเค เป็นแก้วที่กินคลายร้อนได้ดี แต่เสียดาย ตัวกาแฟและชาไทยมันยังไม่ค่อยเจ้มจ้นเท่าไหร่สำหรับเรา งือ
Passion Fruit Frappe (125 บาท) น้ำเสาวรสปั่นอันนี้หน้าตาดีมาก กินแล้วสดชื่นดี อันนี้ชอบบ // ของหวานก็สั่งมาด้วยเหมือนกันกับ Costa Banana Waffle (195 บาท) ตัววัฟเฟิลอร่อย แต่ขัดใจนิดหน่อยที่กล้วยเต็มไปด้วยการเคลือบน้ำตาลอย่างเยอะ และตัวถั่วนั้นมีกลิ่นหืนเบาๆ เมื่อได้กินเข้าไป ตัวนี้น่าเสียดายมากกก
สุดท้ายคือ Vanilla Ice-Crean with Skoop Fancy Cone (120 บาท) รสที่เลือกมากินนั้นคือไอติมวนิลา อร่อยดี โคนก็อร่อย กรอบกรุบกรับเคี้ยวได้เพลินมาก อันนี้ชอบบบ
สรุปคือ Skoop Beach Cafe เหมาะที่มากินในฟีลลิ่งที่ต้องนั่งกินลมชมบรรยากาศความเป็นทะเลซึ่งหาไม่ค่อยได้จากคาเฟ่อื่น ดังนั้น ถ้าใครกำลังหาที่นั่งชิลๆ ชิคๆ ได้ถ่ายรูปกับทะเล ที่นี่ก็ได้อยู่เลยนาาา
Dripoly
สำหรับคาเฟ่สุดท้ายที่เราจะฮ็อปปิ้งในทริปนี้ เราจะไปจบกันที่ Dripoly ที่เค้าบอกกันว่าเป็นคาเฟ่ที่มีเคาท์เตอร์บาร์ชิคๆ เน้นโทนสีขาว-ดำ แบบเรียบๆที่ให้อารมณ์เก๋ๆ น่าถ่ายรูปเป็นอย่างยิ่ง ใครที่เป็นสายคาเฟ่แล้วถ่ายรูปลง Instagram แล้วล่ะก็ คาเฟ่นี้ตอบโจทย์! ส่วนเรื่องอาหารและเครื่องดื่มนั่น Dripoly เค้ายังเน้นความเฮลท์ตี้โดยการลดน้ำตาลลงมาเพื่อให้ได้รสชาติเข้มขึ้นและยังอร่อยเหมือนเดิมอีกด้วย มาดูกันดีกว่าว่าดีจริงมั้ย
ดูจากเมนูร้านแล้ว เมนูกาแฟค่อนข้างที่จะมีหลากหลายเลยทีเดียว โดยเฉพาะตัวกาแฟ ซึ่งแก้วแรก นี่ขอเป็น Iced Americano (80 บาท) ที่บอกเลยว่าอร่อย และเมื่อได้กินเข้าไป เรารู้สึกโคตรสดชื่นน ชอบมากก //Coffee Chocolate Tart (95 บาท) ตัวนี้ก็ดีและค่อนข้างอร่อยพอควร ใครที่ชอบกินกาแฟในรูปแบบของหวาน คือต้องลอง และที่เราชอบคือ มันไม่หวานเลี่ยนด้วย อร่อยและหวานพอดีมากก เลิฟ
Sweet Passion Cold Brew (95 บาท) อันนี้คือดีย์และค่อนข้างเซอร์ไพรส์มาก รสชาติเสาวรสมาเต็ม แถมยังมีความกาแฟบางๆอยู่ด้วย อร่อยมากกก
สุดท้ายกับแก้ว Iced Latte (80 บาท) แก้วนี้เรารู้สึกว่าอร่อยปกติตามมาตรฐาน ซึ่งถ้าใครกินกาแฟลาเต้เย็นอยู่แล้ว ไม่น่าจะผิดหวัง
ร้าน Dripoly นี่ขอยกให้เป็นร้านที่ทั้งสวย ถ่ายรูปแล้วดี แถมรสชาติอาหารและเครื่องดื่มดีย์ ราคาไม่แรง ส่วนตัวคือชอบสุดๆ แนะนำเลยเด้อ