Warner Bros. Studio Tour Tokyo – The Making of Harry Potter ธีมพาร์คที่จะพาเราเข้าไปในโลกแฮรี่ พอตเตอร์ ผ่านเบื้องหลังทั้งพร็อพและฉากในสตูดิโอ Warner Bros. ที่เค้าเพิ่งเปิดใหม่ล่าสุดในโตเกียวในช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2023 ที่ผ่านมา แน่นอนว่าก๊อตจะพลาดได้อย่างไง๊ ซึ่งก๊อตแอบกระซิบก่อนเลยว่า ใครท่ีเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์นี่ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะภายในสตูดิโอทัวร์เค้ายิ่งใหญ่อลังการเหมือนเราได้หลุดเข้าไปในโลกแห่งเวทย์มนต์ของฮอกวอตส์จริงๆ เลย ใครที่นึกถึงบรรยากาศของห้องโถงกินข้าวขนาดใหญ่ที่เหล่านักเรียนจากทุกบ้านเค้าจะมารวมตัวกันที่นี่ หรือจะเป็นป่าต้องห้ามที่ภายในนั้นมีวิญญาณผู้คุมจ้องจะเล่นงานเราอยู่ หรือแม้แต่ปราสาทของฮอกวอตส์หลังโตที่เค้าก็จำลองมาให้ได้เห็นกันใกล้ๆ นอกจากนี้ยังมีเบื้องหลังของฉาก พร็อพ และเทคนิคการทำงานของผู้สร้างภาพยนตร์ Harry Potter แบบละเอียดขั้นสุด ให้เราได้มาเรียนรู้ว่าที่กว่าจะออกมาเป็นแฮรี่ พอตเตอร์สักภาคนั้น มันไม่ใช่เรื่อง่ายเล้ย เอ้าล่ะแกร เกริ่นมาเวอร์ขนาดนี้ สาวกแฮรี่คือห้ามพลาด ดังนั้นเรามาอ่านรีวิวนี้และไปเที่ยวตามด้วยกันเลย
- รีวิวเต็ม โตเกียว (Tokyo) 28 ที่เที่ยว
- รีวิวเต็ม Tokyo Disneyland แบบละเอียด
- รีวิวเต็ม Tokyo Disneysea แบบละเอียด
- รีวิวเต็ม Harry Potter – Warner Bros. Studio Tour Tokyo แบบละเอียด
- โรงแรมและที่พักแนะนำในโตเกียว (Tokyo)
- ส่วนลด Klook / ส่วนลด Agoda
รู้จัก Warner Bros. Studio Tour Tokyo – The Making of Harry Potter
Warner Bros. Studio Tour Tokyo จัดได้ว่าเป็นธีมพาร์คในรูปแบบสตูดิโอที่ภายในนั้นจัดแสดงเรื่องราวเบื้องหลังแบบจัดเต็มภาพยนตร์ Harry Potter และ Fantastic Beasts เพื่อให้คนที่เข้ามาเยี่ยมชมได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการผลิตภาพยนตร์ที่กว่าจะมาลงจอให้เราได้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของเหล่าเวทย์มนต์นั้น เบื้องหลังเค้ามีที่มาที่ไปอย่างไรกันบ้าง
โดยที่ Warner Bros. Studio Tour Tokyo นั้นยังจัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในร่มของแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็น Warner Bros. Studio Tour แห่งแรกที่เปิดให้บริการในเอเชีย หลังจากที่ Warner Bros. Studio Tour London – the Making of Harry Potter ที่ลอนดอนนั้นปังมาก ถึงขั้นมีผู้เข้าชมมากกว่า 17 ล้านคน นับตั้งแต่เปิดตัวกันในปี 2012 เลย
และแน่นอนว่าตอนนี้เค้ามาเปิดสตูดิโอทัวร์ที่เอเชีย และไม่ต้องบินไปไกลถึงอังกฤษแล้ว โดยความพิเศษของ Warner Bros. Studio Tour Tokyo นั้น ถูกยกมาจากลอนดอนเกือบทั้งหมด แถมมีเพิ่มเติมหลายอย่างที่มีเฉพาะที่โตเกียวอีกด้วยแกร เราจะได้หลุดเข้าไปในโลกเวทย์มนต์ของแฮรี่ พอตเตอร์ ผ่านพร็อพ ฉากต่างๆ และเครื่องแต่งกายที่ใช้ในหนังจริง ทั้งห้องโถงใหญ่ของฮอกวอตส์ที่ภายในนั้นโอ่อ่ายิ่งใหญ่ ป่าต้องห้ามท่ามกลางเหล่าผู้คุมวิญญาณและสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ ถนนหินกรวดของตรอกไดแอกอนที่รายล้อมไปด้วยร้านค้ามากมาย รวมถึงไปขึ้นรถไฟ Hogwarts Express ที่ชานชาลา 9 ¾ ที่จำลองเอาชานชาลาในหนังมาตั้งเอาไว้ให้ได้หวนนึกถึงบรรยากาศเข้าเรียนวันแรกของแฮรี่
นอกจากฉากเว่อร์วังอลังการแล้ว เรายังจะได้เห็นเทคนิคในการสร้างฉากต่างๆ ของผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ ที่ส่วนใหญ่นั้นเป็นเทคนิคดั้งเดิม และสร้างผลงานด้วยมือกัน แบบที่ว่าการได้มาที่ Warner Bros. Studio Tour Tokyo นั้น เหมือนเป็นอีกหนึ่งก้าวที่นำพาเราให้เข้าไปสู่ซีรีส์ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเรื่องหนึ่งตลอดกาลเลยก็ว่าได้
ซื้อบัตร Warner Bros. Studio Tour Tokyo – The Making of Harry Potter ที่ไหนดี?
- ซื้อผ่าน Klook (⭐️แนะนำ): วิธีที่สะดวกสบาย ซื้อง่าย และราคาดีมากที่สุดสำหรับก๊อต คือการซื้อบัตรผ่าน Klook ที่จะมาเป็นแบบ e-ticket ที่เราสามารถใช้ได้เลยที่หน้างาน โดยเค้าจะมีบัตรอยู่ด้วยกัน 3 แบบ คือ บัตรเข้าชมสตูดิโอทัวร์อย่างเดียว และแบบแพ็คกับบัตรรถไฟ Seibu 1 Day Pass หรือ Tokyo Subway นั่นเอง โดยแต่ละบัตรนั้นก็จะแยกบัตรไปอีกตามอายุ คือ ผู้ใหญ่ 6,300 เยน (~1,530 บาท) / อายุ 12-17 ปี ราคาบัตรอยู่ที่ 5,200 เยน (~1,270 บาท) และ เด็ก อายุ 4-11 ปี ราคาบัตรอยู่ที่ 3,800 เยน (~930 บาท) ซึ่งบัตรเค้าจะขายแบบฟิกซ์ตามเวลาที่เราเลือกด้วยนะ
ใครที่จะแพลนว่าจะไปเที่ยว Warner Bros. Studio Tour Tokyo ก๊อตแนะนำให้จองล่วงหน้ายาวๆ เลย ซึ่ง Klook เค้าปล่อยบัตรให้เราจองได้นานสูงสุด 6 เดือน และด้วยความที่เป็นธีมพาร์คใหม่ล่าสุดและมีแห่งเดียวในเอเชีย บอกเลยว่าบัตรเต็มเร็วมากกก อย่างตอนนี้ที่ก๊อตกำลังเขียนรีวิวอยู่ บัตรเข้าชมที่เร็วที่สุดที่เราสามารถจองได้ คือ 45 วันล่วงหน้านะแกร ดังนั้น แพลนดีๆ เพราะถ้าจองแบบปุบปับ โอกาสชวดบัตรมีสูงมากกกกก! ยังไงลองเช็คบัตรจากลิงค์ด้านล่างได้เลย
🎫 เช็คราคาและซื้อบัตร Warner Bros. Studio Tour Tokyo [ซื้อผ่าน Klook] / [ซื้อผ่าน KKday]
👀 เช็คส่วนลด Klook ประจำเดือน คลิก
วิธีไป Warner Bros. Studio Tour Tokyo – The Making of Harry Potter ด้วยรถสาธารณะ
วิธีเดินทางมาเที่ยวที่Warner Bros. Studio Tour Tokyo เราสามารถเดินทางได้หลายวิธีเลย และด้วยความที่เค้าตั้งอยู่ในเมืองโตเกียว (Tokyo) อยู่แล้ว ดังนั้นการเดินทางมายังWarner Bros. Studio Tour Tokyo ก็สะดวกมากๆ เพราะเค้ามีขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม โดยก๊อตได้รวมเอาวิธีการเดินทางทั้งหมดมาไว้ให้ตามด้านล่างนี้ ใครชอบแบบไหน ถนัดทางใด จิ้มตามนี้ได้เล้ยย
- รถไฟ (⭐️⭐️ แนะนำ): การเดินทางด้วยรถไฟเป็นวิธีที่ก๊อตแนะนำมากที่สุดสำหรับมาเที่ยวที่ Warner Bros. Studio Tour Tokyo เราสามารถนั่งรถไฟสายเซบุโทชิมะ (Seibu Toshima Line) หรือรถไฟใต้ดินสายโอเอโดะ (Oedo Subway Line) มาลงที่สถานีโทชิมะเอ็น (Toshimaen Station) ราคาเริ่มต้น 190 เยน/ต่อเที่ยว (~50 บาท) จากนั้นก็เดินต่อมาอีก 2 นาที ก็จะถึง Warner Bros. Studio Tour Tokyo แล้ว หรือถ้าใครไม่แน่ใจ ก๊อตแนะนำให้ใช้ Google Map ปักเพื่อแนะนำเส้นทางรถไฟเอาโลด ง่ายสุด 5555
บัตรเดินทางต่างๆ ในโตเกียว
- 🎫 บัตรโดยสารรถไฟใต้ดินโตเกียวแบบไม่จำกัด (1, 2 หรือ 3 วัน) [ซื้อผ่าน Klook] / [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 บัตร Welcome Suica และบัตรโดยสารรถไฟ JR สำหรับ 1 วัน [ซื้อผ่าน Klook] / [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 JR Tokyo Wide Pass : ใช้ขึ้นสายรถไฟ JR สำหรับเที่ยวเมืองยอดนิยมต่างๆ รอบโตเกียว โดยมีเมืองฮิตอย่าง คาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) ที่มีภูเขาไฟฟูจิ, นิกโก้ (Nikko), โยโกฮาม่า (Yokohama), คาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsula) / มีแบบ 3 วัน ราคาเริ่มต้นราวๆ ~3,600 บาท [ซื้อผ่าน Klook]
มาเริ่มเที่ยว Warner Bros. Studio Tour Tokyo – The Making of Harry Potter กั้นน
ในที่สุดเราก็มาถึง Warner Bros. Studio Tour Tokyo แล้ว ตั้งแต่เรายืนหน้าหน้าของสตูดิโอ เราจะได้เห็นการประดับตกแต่งมุมน่ารักๆ ให้ได้มาถ่ายรูปเล่นกันตั้งแรกเลย ไม่ว่าจะเป็นแว่นตาของแฮรี่ หรือแม้แต่รูปปั้นของแฮรี่ที่ยืนเคียงคู่อยู่กับแฮกริดที่มาคอยต้อนรับเรียกความตื่นเต้นให้กับคอหนังแฮรี่ พอตเตอร์กันตั้งแต่ทางเข้า พอเดินเข้ามาภายในจะเป็นโถงล็อบบี้ขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่ให้คนมานั่งพัก หรือเตรียมตัวเพื่อรอเข้าไปด้านใน โดยในล็อบบี้นั้นจะมีเจ้างูใหญ่ยักษ์เตรียมต้อนรับให้เราได้ย่าวกายเข้าไปสู่ดินแดนแห่งโลกเวทย์มนต์แล้วนา



ด้านซ้ายเค้าจะมีช็อปของที่ระลึกให้เราได้ซื้อหากันอีกด้วยนะ ช้อปแบบโคตรใหญ่ ใครที่อยากจะหาพร็อพ ทั้งชุด ไม้กายสิทธิ์ต่างๆ เพื่อเข้าไปถ่ายรูป คือมาซื้อตรงนี้ได้เลย แต่ถ้าเราไม่ได้อยากจะหาพร็อพอะไร แต่แค่อยากหาซื้อของที่ระลึกแทน ก๊อตแนะนำให้เรามาซื้อตอนสุดท้ายเลย เพราะทางออกของสตูดิโอเค้าจะมาปิดท้ายที่ช้อปแห่งนี้นั่นเอง สบายใจได้ 5555
เอาล่ะ เรามาเริ่มเที่ยว Warner Bros. Studio Tour Tokyo แบบเต็มอิ่มกัน โดยก๊อตจะไล่เป็นห้องๆ และโซนๆ ไป โดยจะเน้นเฉพาะไฮไลท์เด็ดที่เราห้ามพลาดของการมาเที่ยวที่นี่ว่ามีอะไรดีบ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้น ใครที่มาเที่ยวไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดโซนใดโซนหนึ่ง เพราะรูทการเดินเที่ยวเค้านั้นจะบังคับให้เราเดินผ่านโซนพวกนี้ทั้งหมดเด้อ
ห้องโถงใหญ่ของฮอกวอตส์ (The Great Hall)
ห้องแรกที่เราจะได้เห็นของการมาทัวร์สตูดิโอที่นี่เลยก็คือ ห้องโถงใหญ่ของฮอกวอตส์ (The Great Hall) ห้องโถงที่เปรียบเป็นศูนย์กลางที่เหล่านักเรียนฮอดวอตส์แต่ละบ้านเค้ามาใช้ชีวิต กินข้าว รวมถึงประชุมเลือกบ้านกันที่นี่ ซึ่งนี่บอกเลยว่าห้องแรกก็อลังการงานสร้างล๊าวว ความตื่นตาตื่นใจมันเริ่มตั้งแต่ประตูไม้บานใหญ่ที่สูงท่วมหัว ปิดผนึกเอาไว้แน่น ไม่ต่างจากในภาพยนตร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่เค้าก็หาอาสาสมัคร “มีใครจะอาสามาเป็นผู้เปิดประตูห้องโถงไหมจ๊ะ” ซึ่งคนที่ถูกรับเลือกก็จะต้องเป็นคนออกไปทำหน้าที่เปิดประตูเพื่อเข้าไปด้านในยังห้องโถงนี้
ภาพแรกที่เข้ามาในหัวเลยคือตอนที่แฮรี่และเพื่อนๆ เข้ามาที่นี่ครั้งแรก เพื่อให้หมวกคัดสรรได้ทำหน้าที่เลือกบ้านให้กับพวกเค้า บรรยากาศของโต๊ะตัวยาวที่เต็มไปด้วยเก้าอี้เรียงราย ผนังมีคบเพลิงติดเอาไว้ ภายในโถงโออ่าเพดานสูงถอดแบบมาจากในภาพยนตร์แบบไม่มีผิดเพี๊ยน โดยเวทีตรงกลางด้านในสุดยังมีเหล่าอาจารย์และดัมเบิลดอร์ยืนอยู่ด้วย นอกจากนี้ด้านหลังของโต๊ะกินข้าวยังมีชุดนักเรียนของแต่ละบ้านทั้งบ้านกริฟฟินดอร์ (Gryffindor), บ้านฮัฟเฟิลพัฟ (Hufflepuff), บ้านเรเวนคลอว์ (Ravenclaw) และบ้านสลิธีรีน (Slytherin) ให้ได้เห็นอีกด้วย แกร นี่แค่เริ่มต้นก๊อตก็ปลื้มใจหุบยิ้มไม่ลงแล้วว
ถัดจากห้องโถง เราก็ได้เรียนรู้ถึงการออกแบบฉากต่างของหนังแฮร์รี่พอตเตอร์แบบละเอียดยิบถึงที่มาที่ไปทั้งหมด มาครบทั้งแปลนและโมเดลต่างๆ คล้ายๆ งานถาปัดที่เรียนกันแบบนั้นเลย ถ้าใครที่ชอบดูงานเบื้องหลังแนวนี้ บอกเลยว่าต้องมาดู เพราะนี่มั่นใจว่าข้อมูลเบื้องหลังทั้งหมดนี้สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้เราได้อย่างดิบดีเลย
ห้องโถงกลางของฮอกวอตส์ (Marble Staircase)
อีกห้องที่โคตรดีและเริ่ดมากสำหรับก๊อตคือห้อง Marble Staircase ห้องโถงกลางขนาดใหญ่ที่โดดเด่นด้วยบันไดหินและผนังหินที่ติดไปด้วยกรอบรูปของบุคคลสำคัญประจำฮอกวอตส์เอาไว้ ใครนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงฉากที่หมวกคัดสรรเลือกบ้านให้นักเรียนเสร็จแล้ว ก็ถึงคราวที่นักเรียนต้องเดินขึ้นไปยังที่พักของบ้านใครบ้านมัน ซึ่งจะต้องเดินผ่านบันไดหินที่จะขยับไปมาได้ตามแต่ละบ้านได้ ซึ่งบันไดห้องนี้ก็คือขยับจริงแบบไม่จกตา แถมรูปบนผนังนั้นยังเป็นรูปเคลื่อนไหวของคนที่มาเที่ยวที่นี่คละกันไป คือแบบดีม๊ากกก
ใครที่อยากมีรูปติดกำแพงแบบนี้ เค้าจะมีมุมให้เราสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อเข้าไปถ่ายรูปเล่นในตู้ที่จำลองฉากต่างๆ อยู่ภายใน โดยเราสามารถไปเก็กท่าทางได้ตามชอบเลย ซึ่งรูปที่ถ่ายออกมานั้นก็จะไปปรากฏอยู่บนหนึ่งในกรอบรูปที่อยู่บนผนังนั่นแหละ ซึ่งอันนี้ต้องมองหารูปตัวเองกันให้ดี เพราะภายในห้องนี้มีกรอบรูปอยู่เยอะม๊ากกก และรูปที่เราถ่ายไว้ก็จะไปขยับดุ๊กดิ๊กอยู่ในกรอบรูป เหมือนในหนังที่วิญญาณของบุคคลในกรอบรูปนั้นสามารถล่องลอยออกมาข้างนอก หรือขยับตัว ขยับตาได้เป๊ะเลย
Living at Hogwarts
มาถึงโซนที่ก๊อตอยากเข้ามาอยู่มากที่สุดอย่างโซน “Living at Hogwarts” เพราะเป็นโซนที่เค้ารวบรวมเอาห้องต่างๆ ในฮอกวอตส์มาจัดแสดงเอาไว้ในโซนเดียวเสมือนว่าเราได้ใช้ชีวิตอยู่ในฮอกวอตส์เลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นเซ็ตหอพักของแต่ละบ้านที่จดแสดงเอาไว้ อย่างที่พลาดไม่ได้เลยคือห้องนอนของบ้านกริฟฟินดอร์ ที่อยู่บนชั้น 7 ของปราสาทฮอกวอตส์ ภายในนั้นตกแต่งเอาไว้สมจริงมาก ทั้งเตียงนอนขนาดใหญ่ ตู้เก็บของ และเฟอร์นิเจอร์ในห้องนั่งเล่นโทนสีแดง รวมถึงเราจะได้เห็นเตียงนอนของแฮร์รี่ด้วย นอกจากนี้ยังมีห้องนั่งเล่นของบ้านกริฟฟินดอร์อี๊ก พร็อพฉากจัดเต็ม ทั้งภาพวาดสีน้ำมันบนผนัง และเครื่องแต่งกายของแต่ละบ้านที่เหมือนกับก๊อตได้เข้ามาในบ้านกริฟฟินดอร์จริงๆ เลย จะขาดก็แค่แฮรี่ พอตเตอร์ตัวจริงเท่านั้นแหละ 5555
นอกจากนี้ยังมีหอพักของบ้านสลิธิรินที่ยกห้องเอาห้องนั่งเล่นรวม และบรรยากาศภายในหอพักมาให้เราได้สำรวจกันใกล้ๆ อีกด้วย ใครที่นึกถึงห้องนั่งเล่นที่รายล้อมไปด้วยผนังหินและมีเตาผิงไฟขนาดใหญ่อยู่ด้วยกันนั้น ห้ามพลาดมุมนี้เลย ซึ่งแถวๆ ห้องนั่งเล่นของบ้านสลิธิริน เราสามารถเข้าไปถ่ายรูปกับโต๊ะกลมและโซฟาได้ด้วย ถือว่าดีย์



ยังไม่หมดเท่านั้น ภายใน Living at Hogwarts ยังมี ห้องต้องประสงค์ (Room of Requirement) ห้องลับที่เปี่ยมล้นไปด้วยเวทมนตร์มากที่สุดห้องหนึ่งของฮอกวอตส์ ที่เค้าจำลองมาตั้งไว้ให้ดูอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย โดยห้องนี้เป็นที่รู้จักในหมู่เอลฟ์ประจำบ้านว่า “ห้องไปๆ มาๆ” เพราะเป็นห้องที่ถูกซ่อนอยู่ตามกำแพงของโรงเรียนฮอกวอตส์ และจะปรากฏให้เห็นเป็นครั้งคราวหรือเมื่อมีคนต้องการจะใช้งานเท่านั้น บอกเลยว่าน้อยคนนักที่จะได้เข้ามาในห้องนี้ แต่พวกเราที่มาเที่ยวถือเป็นข้อยกเว้นจ๊า เพราะเราไม่ต้องตั้งสติหรือเดินวนหาใดๆ ก็ได้เข้ามาในห้องต้องประสงค์กันแบบชิลๆ ล้าวว อิอิ



อีกหนึ่งห้องที่ตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กันคือ ห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ ที่ในภาพยนตร์นั้นห้องนี้ตั้งอยู่บนชั้น 7 ของปราสาทฮอกวอตส์เช่นเดียวกัน โดยภายในห้องนั้นมีมุมหนังสือ รูปภาพบุคลคลสำคัญ หรืออดีตอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ติดอยู่ รวมไปถึงยังมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของดับเบิลดอร์ตั้งอยู่ เคียงข้างกับคานที่มีนกฟีนิกซ์เกาะอยู่อีกด้วย เดินผ่านห้องนี้แล้วเหมือนภารกิจแอบเข้าห้องดับเบิลดอร์สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีจริงๆ 55555




ติดกันกับ Living at Hogwarts เค้าจะมีโซนเล็กๆ ที่แสดง Costume & Props ที่มีการจัดแสดงชุดคอสตูมทั้งหมด รวมถึงหน้ากากของเหล่าตัวร้ายที่มีให้เห็นกันครบทุกแบบ โดยจะมีตั้งแต่ไอเดียชิ้นงานตั้งแต่เริ่มแรกไปจนถึงชิ้นงานสำเร็จรูป ให้เราได้เห็นถึงขั้นตอนที่กว่าจะมาเป็นหน้ากากของตัวร้ายนั้น เค้าต้องใช้แนวคิดและวิธีการทำอย่างไรกันบ้าง
Learning at Hogwarts
เดินออกมาต่อกันที่ห้อง Learning at Hogwarts ซึ่งจะเป็นห้องแห่งการเรียนรู้ของฮอกวอตส์ที่ภายในนั้น แบ่งจัดแสดงห้องต่างๆ เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น “ห้องเรียนวิชาปรุงยา” ห้องเรียนขนาดใหญ่ที่ในภาพยนตร์นั้น ถูกใช้เป็นห้องในการสอนเด็กๆ ของฮอกวอตส์ในปรุงยาต่างๆ ขึ้นมา ภายในนั้นอัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบในการปรุงยาจำนวนมาก รวมไปถึงยังมีพวกโหลดองสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่เป็นหนึ่งในส่วนผสมของการปรุงยาตั้งวางเรียงรายชวนให้รู้สึกกุ๊กกู๋ขณะเดินผ่าน โดยใกล้ๆ กันนั้นมีอาจารย์สเนป อาจารย์วิชาสอนปรุงยาและสอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ยืนเคียงคู่อยู่กับอาจารย์ฮอเรซ ซลักฮอร์น โดยทั้งสองคนนั้นคืออาจารย์สอนวิชาปรุงยา แต่อาจารย์สเนปนั้นจะสอนในเรื่องวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดร่วมด้วย





นอกจากนี้ยังมี “ห้องสมุดประจำฮอกวอตส์” ห้องสมุดขนาดใหญ่ที่ภายในเต็มไปด้วยหนังสือมากกว่าหมื่นเล่ม โดยจะมีตั้งแต่หนังสือทั่วไปที่ใช้สำหรับการเรียนการสอนภายในฮอกวอตส์ ไล่ไปจนถึงหนังสือต้องห้ามที่เกี่ยวกับศาสตร์มืด ที่หากใครจะยืมมาอ่านได้สักเล่มนั้น จะต้องได้รับอนุญาตจากศาสตราจารย์ และบรรณารักษ์ประจำห้องสมุดเท่านั้น ซึ่งพวกเราก็ผ่านฉลุยมาได้โดยไม่ต้องขอใคร อีกทั้งยังสามารถเก็กท่าถ่ายรูปหยิบจับสมุดหนังสือเล่มไหนก็ได้ตามใจชอบอีกด้วย เพราะนี่คือ Learning at Hogwarts นั่นเองจ๊า


ป่าต้องห้าม (Forbidden Forest)
หนึ่งในโซนที่ชอบม๊ากและถือว่าทำได้อลังการและได้ฟีลคือ ป่าต้องห้าม (Forbidden Forest) ที่ในภาพยนตร์นั้นเป็นป่าที่อยู่หลังแนวกำแพงของฮอกวอตส์ ผืนป่าขนาดใหญ่กินพื้นที่ไปในวงกว้าง ที่แม้จะเป็นพื้นที่ต้องห้าม ไม่อนุญาตให้นักเรียนเข้ามา แต่ในบางวิชาที่สอนในฮอกวอตส์ก็มีการมาทำการเรียนการสอนกันที่ชายชอบของป่าด้วยนา โดยกระท่อมของแฮกริดก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจากป่าต้องห้ามด้วย โดยภายในป่าต้องห้ามจะเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้มากมาย ทั้งไม้สน ไม้โอ๊คเก่าแก่ รวมไปถึงยังเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์วิเศษต่างๆ และยังเป็นสถานที่สำคัญที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย
โดยที่โซนนี้เค้าก็ได้จำลองเอาเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นจริงในภาพยนตร์มาจัดเอาไว้ให้เราได้ออกสำรวจผืนป่าต้องห้าม อย่างเช่นฉากที่แฮรี่ออกไปตามรอยหายูนิคอร์นแล้วพบเจอกับอะโครแมนทูล่า แมงมุมยักษ์ตัวใหญ่ ที่มีตาแปดตา มีขาแปดขา ออกมาไล่ล่ากันอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเซนทอร์ สิ่งมีชีวิตที่ครึ่งบนคล้ายมนุษย์ ครึ่งล่างเป็นม้า ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีอาวุธเป็นธนู ยืนอยู่กับแฮกริด รวมไปถึงยังมีรถฟอร์ดแองเกลียสีฟ้าบินได้ ที่ครั้งหนึ่งแฮรี่และรอนนั้นถูกด๊อบบี้ขัดขวางไม่ให้มาที่ฮอกวอตส์จนทำให้ทั้งคู่พลาดตกรถไฟ จึงได้แอบขโมยเอารถฟอร์ดแองเกลียบินได้ขับไปที่โรงเรียน แต่ดันไปชนเข้ากับต้นวิลโลว์จอมหวดจนทำให้รถพัง ก่อนที่มันจะบินหนีหายไปตกอยู่ในป่าต้องห้ามนั่นเอง
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
นอกจากนี้ภายใน โซนป่าต้องห้าม (Forbidden Forest) เค้ายังมีกิจกรรมให้เราช่วยกันเสกคาถาผู้พิทักษ์เพื่อไล่พวกผู้คุมวิญญาณออกไปจากป่าต้องห้ามอีกด้วย แต่ว่ากิจกรรมนี้สำหรับคนที่มีไม้กายสิทธิ์เท่านั้นนะ ใครที่อยากเล่นคือต้องหาซื้อไม้กันก่อนจากช็อปทางเข้านั่นเอง อันนี้ครีเอทดี สนุกด้วยเหมือนได้ร่ายมนต์จริงๆ เลย
โซน Backlot
กระท่อมแฮกริด (Hagrid’s Hut)
เดินถัดออกมาจะเป็นโซน Outdoor อย่างโซนกระท่อมแฮกริด (Hagrid’s Hut) ที่เราจะได้มาเห็นกระท่อมของแฮกริดที่เค้ายกมาตั้งเอาไว้ทั้งหลัง ภายนอกยังคงมีเหล่าหุ่นไล่กา และฟักทองลูกโตๆ รวมถึงอุปกรณ์ช่างของแฮกริดที่วางเรียงรายอยู่ แต่โซนนี้เราเข้าไปภายในกระท่อมไม่ได้นา ทำได้เพียงแค่ถ่ายรูปกับบรรยากาศรอบนอกเด้อ ซึ่งเห็นแบบนี้แล้วนึกถึงบรรยากาศที่แฮกริดกำลังทำอาหารอยู่ในกระท่อม แล้วมีควันจากการประกอบอาหารลอยพวยพุ่งออกจากปล่องควัน กระท่อมเล็กๆ ที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่หลังเดียว แต่กลับดูอบอุ่นด้วยแสงสว่างจากตะเกียงที่ถูกจุดเอาไว้รอบๆ เห้ออ ถ่ายรูปไปก็ได้แต่คิดอยู่ในใจว่ามันน่ารักจังโว้ยย
Backlot Cafe และ Butterbeer Bar
มาถึงตรงจุดนี้เท่ากับว่าเราเดินทัวร์สตูดิโอมาได้ครึ่งทางแล้ว ใครที่รู้สึกหิว โซน Backlot เค้ามี Backlot Cafe ร้านอาหารให้ได้กินคอยต้อนรับเราอยู่ด้วย โดยเมนูเมนคอร์สเค้าจะเป็นเมนูอาหารที่เค้าครีเอทให้เป็นอาหารประจำของแต่ละบ้านภายในฮอกวอตส์ ซึ่งตัวก๊อตเองสั่งมาเป็นเซ็ต Ravenclaw Plate (Fish Pie) with Drink ราคา 2,800 เยน (~680 บาท) จากบ้านเรเวนคลอ บ้านของเด็กฉลาดที่มีสีประจำบ้านเป็นสีน้ำเงิน เห็นได้จากจานใส่อาหารของเราที่เสิร์ฟและปักธงสีน้ำเงินเด่นมาแต่ไกล และอีกจานที่ก๊อตสั่งมาคู่กันคือ Fish and Chip ราคา 1,500 เยน (~ 365 บาท) กับอาหารประจำบริทติชให้ฟีลเหมือนเราอยู่ที่ลอนดอนนั่นเอง



โดยอาหารเค้าก็รสชาติโอเค ที่เราสามารถฝากท้องได้เลย แต่โดยส่วนตัวก๊อตคิดว่าราคาอาหารเซ็ตประจำบ้านนั้น ราคาค่อนข้างแรงไปหน่อย ทีนี้ถ้าใครไม่อยากกินอาหารเซ็ตประจำบ้าน เค้าก็มีเมนูอื่นๆ หรืออย่างเมนูง่ายๆ เช่น แซนด์วิช ให้เราได้เลือกกินเหมือนกัน สามารถจิ้มตามความชอบกันได้เลย ส่วนใครที่กินข้าวกันจนอิ่มหนำสำราญพุงแล้ว เราสามารถเดินข้ามมากินบัตเตอร์เบียร์กันต่อที่ Butterbeer Bar ได้เลยนา โดยเค้าจะตั้งอยู่ข้างๆ กับ Backlot Cafe เลย
บ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต
กินข้าวกันจนพุงกางแล้ว อย่าลืมมาต่อกันที่ “บ้านเลขที่ 4” ในซอยพรีเว็ต เขตเซอร์รีย์ทางตอนใต้ของลอนดอน บ้านสองชั้นของลุงกับป้าของแฮรี่ พอตเตอร์ ที่เปิดมาให้เห็นกันในภาคแรก โดยภายในบ้านนั้นจำลองเหตุการณ์และห้องต่างๆ จากในภาพยนตร์เอาไว้ ตั้งแต่ห้องใต้บันไดที่แฮรี่อาศัยหลับนอน ห้องนั่งเล่นที่เต็มไปด้วยจดหมายเรียกตัวเข้าเรียนในฮอกวอตส์บินว่อนเกลื่อนไปทั่วทั้งห้องนั่งเล่น พร้อมกับลุงและป้าที่อยู่ในท่วงท่าสุดแสนจะวุ่นวาย ซึ่งของจริงเค้าทำหุ่นคุณลุงคุณป้าได้สมจริงมาก เหมือนมีคนจริงๆ อยู่ในบ้านนั้นเลย





สะพานฮอกวอตส์ (Hogwarts Bridge) + หมากรุกพ่อมด
เยื้องๆ กับบ้านของลุงและป้าของแฮรี่จะมี สะพานฮอกวอตส์ (Hogwarts Bridge) ตั้งอยู่ด้วย บรรยากาศสมจริงเสมือนกับว่านักท่องเที่ยวที่กำลังเดินผ่านก๊อตไปนั้น คือเด็กนักเรียนจากฮอกวอตส์ที่กำลังเดินเข้า-ออกอยู่บนสะพานในภาพยนตร์จริงๆ เลย และพอเดินพ้นสะพานมาแล้ว หากใครจำฉากการเล่นหมากรุกพ่อมดของแฮรี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ได้ โซน Backlot นี้เค้าจำลองเอาตารางหมากรุกพ่อมด รวมไปถึงเหล่าหมากที่ใช้เดินกันจริงๆ ในภาพยนตร์มาตั้งเอาไว้ให้ดูกันอีกด้วย ซึ่งของจริงก็อันใหญ่เหมือนหลุดออกมาจากในฉากเป๊ะ แถมสีของหมากที่ใช้เดินแต่ละตัวก็ดูเก่าคร่ำครึจนก๊อตมองดูแล้ว ภาพตอนที่รอนนั่งอยู่บนหมากตัวม้าขนาดใหญ่ และกำลังสั่งการให้มันเดินไปในทิศทางที่ตัวเองต้องการนั้นลอยเข้ามาในหัวเลย นี่ไม่นับตอนที่เดินหมากผิดแล้วพวกหมากตัวเบี้ยโดนฟันทิ้งนะ โอ้ยย แกรก็ทำออกมาสมจริงเกิ้น




รถเมล์อัศวินราตรี + รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของแฮกริด
ยังไม่หมดเท่านั้นนา บริเวณด้านนอกของโซนนี้ ยังมี รถเมล์อัศวินราตรี สีม่วง 3 ชั้น จอดอยู่ ซึ่งรถเมล์คันนี้นั้น หากเราขึ้นมาเวลากลางวันจะเจอกับที่นั่งเหมือนรถเมล์ทั่วไป แต่หากขึ้นมาในตอนกลางคืนที่นั่งเหล่านี้จะแปรเปลี่ยนเป็นเตียงนอนนั่นเอง และใกล้ๆ กับรสบัสยังมี รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของแฮกริด จอดอยู่ด้วย ซึ่งคันนี้แหละที่แฮกริดขับมาในตอนเปิดเรื่อง แล้วนำเอาแฮรี่ในวัยเบบี๋มาวางไว้หน้าประตูบ้านของลุงและป้าเพื่อให้ทั้งคู่เลี้ยงดูแฮรี่นั่นเอง



ชานชาลา 9 ¾ (Platform 9 ¾)
อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปเล่นกัน นั่นคือ ชานชาลา 9 ¾ (Platform 9 ¾) ที่เค้าจำลองสถานีรถไฟไว้ได้เหมือนจริง โดยมีทั้ง รถไฟสายด่วนฮอกวอตส์ (The Hogwarts Express) ร้านขายของ และแน่นอนว่าต้องมีกำแพงที่เราต้องวิ่งทะลุเพื่อเข้าไปยัง ชานชาลา 9 ¾ (Platform 9 ¾) นั่นเองถือเป็นอีกโซนที่เราสามารถถ่ายรูปโคตรสนุก โดยข้อดีของที่ Warner Bros. Studio Tour Tokyo นั้น คือเค้าทำชานชาลาที่ 9 ¾ ไว้หลายจุดม๊ากกก แบบเซ็ตไล่ยาวเข้าไปเพื่อให้คนมาถ่ายรูปโดยเฉพาะ ดังนั้นแถวที่มารอต่อเพื่อถ่ายรูปมุมนี้ก็จะไม่เยอะเท่าไหร่ แป๊บๆ ก็ถึงคิวเราแล้ว
ถ่ายรูปตรงกำแพงเสร็แล้ว อย่าลืมเดินเข้าไปใน รถไฟสายด่วนฮอกวอตส์ (The Hogwarts Express) ด้วย ซึ่งความดีงามภายในนั้น คือเค้าจำลองฉากที่เกิดขึ้นจริงๆ ภายในรถไฟ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นฉากของแฮรี่กับเพื่อนๆ ที่กำลังเดินทางไปยังฮอกวอตส์มาให้ดูกัน ใครนึกถึงฉากแฮรี่เจอเฮอร์ไมโอนี่ครั้งแรก หรือจำภาพที่พวกเค้าซื้อขนมจากรถเข็นบนรถไฟได้ เดินเล่นอยู่ในนี้ไปเรื่อยๆ มันหนุบหนับหัวใจมาก และสำหรับใครที่อยากซื้อของฝาก ลงมาจากตรงข้ามรถไฟ มีร้านขายของตั้งอยู่ด้วยนะ ช้อปกันก่อนได้




กระทรวงเวทย์มนต์สาขาลอนดอน (London Ministry of Magic)
อีกห้องที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับก๊อตคือ กระทรวงเวทย์มนต์สาขาลอนดอน (London Ministry of Magic) ซึ่งในภาพยนตร์นั้น กระทรวงนี้จะตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ดินใจกลางกรุงลอนดอน เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของพ่อมดและแม่มดในเรื่อง ซึ่งการจะลงมาที่นี่นั้นส่วนใหญ่เค้าจะใช้ผงฟลู ซึ่งจะเป็นผงให้โยนลงพื้นจากนั้นเราจะหายตัวไปโผล่อยู่ที่เตาผิงภายในกระทรวง ซึ่งจะเป็นเตาผิงสีทองที่อยู่ตรงโถงทางเดินพอดิบพอดี ซึ่งอันนี้เค้าก็มีลูกเล่นให้คนได้เข้าไปเล่นในเตาผิงพร้อมกับแสงสีเขียวเสมือนผงฟลูได้ด้วย ถ่ายออกมาคือเริ่ดจริง และทำออกมาโคตรดีเลยแหละ
ห้อง Broomstick Experience + Art of Sound
ดูพวกเบื้องหลังของตัวละครพิเศษกันแล้ว มาถึงคราวของเบื้องหลังตัววายร้ายต่างๆ ในแฮรี่ พอตเตอร์กันที่โซน Broomstick Experience ที่เราจะได้เห็นเหล่าวายร้ายทั้งหลายที่ขึ้นโครงหน้ากันแบบไหน กว่าจะออกมาเป็นสัตว์ประหลาดนั้น ใช้เทคนิคอะไรกันบ้าง ซึ่งก็จะมีทั้งตัววายร้ายจริงๆ ที่อยู่ในขั้นตอนตั้งต้น รวมถึงมีวิดีโอมาฉายให้เห็นขั้นตอนต่างๆ ร่วมด้วย
ส่วนโซนติดกันอย่างโซน Art of Sound จะเป็นโซนที่เราจะได้เห็นพวกเสียงเอฟเฟกต์ต่างๆ ตั้งแต่เสียงสู้รับ เสียงเดิน เสียงคำราม สารพัดเสียงที่ได้ยินกันในภาพยนตร์นอกเหนือจากเสียงพูดนั้นเค้าเนรมิตขึ้นมากันอย่างไร รวมถึงยังมีขั้นตอนการทำเพลงและดนตรีที่ใช้ในภาพยนตร์มาเล่าผ่านวิดีโอให้ฟังอีกด้วย มุมนี้เก๋ไม่ไหว
ตรอกไดอากอน (Diagon Alley)
คนปกติหรือมักเกิลก็จะมีถนนช้อปปิ้ง เหล่าพ่อมดแม่มดเค้าจะน้อยหน้าได้ไง มันก็ต้องมีตรอกช้อปปิ้งเช่นกันละนา โดย ตรอกไดอากอน (Diagon Alley) ที่เราเดินมาถึงกันนี้ คือฉากจำลองที่เต็มไปด้วยอาคารร้านค้าที่ขายของเกี่ยวกับเวทย์มนต์ทั้งสิ้น ซึ่งในเรื่องนั้นการจะเข้ามาที่นี่ได้ เราจะต้องเข้ามาจากทางลอนดอน โดยให้ไปยังร้านหม้อใหญ่รั่วที่ตั้งอยู่บนถนนชาริงครอส แล้วให้เดินเข้าไปยังหลังร้าน มองหาถังขยะ จากนั้นให้นับอิฐขึ้นไปสามก้อนเหนือถังขยะ แล้วก็นับต่อไปทางขวาอีกสองครั้ง แล้วก็เคาะตรงบริเวณนั้น 3 ที แค่นี้เราก็จะมาโผล่ที่ตรอกไดอากอนแล้ว แต่ว่าการที่เราจะมาฉากจำลองนี้ คือไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เราสามารถเดินเข้ามาได้เลย 5555555



ตรอกไดอากอน (Diagon Alley) ภายใน Warner Bros. Studio Tour Tokyo เค้าจะมีแค่ตรอกทางเดินเข้าไป ไม่สามารถเดินเข้าไปในแต่ละร้านค้าได้นะ แต่ถึงอย่างนั้น จุดนี้ถือเป็นอีกจุดที่อลังการและเป็นหนึ่งในจุดถ่ายรูปไฮไลท์ของสตูดิโอทัวร์ที่นี่เล้ย อย่างจุดที่ก๊อตแนะนำให้ไปหยุดโพสต์ท่าสักแมท คือบริเวณด้านหน้าของธนาคารกริงกอตส์ อาคารหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่ที่เป็นธนาคารของเหล่าพ่อมดแม่มด บริหารจัดการโดยกลุ่มก๊อบลิน ซึ่งในตรอกไดอากอนที่นี่นั้นเค้าก็ยกเอาอาคารของธนาคารมาทั้งหลังให้เราได้เซลฟี่กันด้วยนา ส่วนบรรยากาศและฉากอื่นๆ ส่วนตัวก๊อตคิดว่าเค้าทำออกมาได้ดีมาก มีการเล่นไฟเสมือนเป็นตอนกลางวันและตอนกลางคืนด้วย ถือว่าทำดีเลยแหละ ใครที่คิดถึงบรรยากาศของร้านรวงมากมายขอตรอกไดอากอนห้ามพลาดเลยเชียว
ปราสาทฮอกวอตส์ (Hogwarts Model)
ห้องสุดท้ายก่อนจบการทัวร์ Warner Bros. Studio Tour Tokyo คือห้อง ปราสาทฮอกวอตส์ (Hogwarts Model) ที่เค้าจำลองปราสาทฮอกวอตส์ขนาดใหญ่ทั้งหลังเอาไว้ ซึ่งเราสามารถเดินวนดูรอบปราสาทได้แบบใกล้ชิด ซึ่งก๊อตบอกเลยว่างานปราสาทเค้านั้นละเอียดมาก โดยเฉพาะดีเทลของมุมต่างๆ ทั้งด้านนอกและด้านในปราสาท ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้า ลานแข่งกีฬา หอนอนของบ้านต่างๆ โขดหินที่อยู่ล้อมรอบ สีของอาคารและข้าวของที่ตกแต่งนั้นเหมือนหลุดมาจากในหนัง
ถือเป็นอีกโซนที่ทุกคนต้องว้าว เพราะเมื่อเราเดินผ่านแต่ละดีเทลของตัวปราสาท ภาพในหนังก็หลุดออกมาเป็นฉากๆ ตามที่เราได้เคยดูในหนังมาแบบนั้นเล้ย แล้วตัวปราสาทเค้าไม่ได้มาแบบเล็กๆ ด้วยนะ แต่เป็นการเอาปราสาทหลังมหึมาขนาดนี้มาตั้งเอาไว้ในร่มให้เราได้เดินดูใกล้ๆ ได้ คือใครที่เดินมาถึงโซนนี้บอกเลยว่ามีส่องปราสาทกันเพลินจนลืมเวลาเลยเชียว



เอาล่ะ เดินออกมาจากห้อง Hogwarts Model ก็จะมาเจอกับร้านขายของที่ระลึก ที่มีสินค้าเกี่ยวกับภาพยนต์เรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ให้ได้เลือกซื้อกันแบบหนำใจ ใครที่อยากได้ของฝากติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้านก็แวะละลายทรัพย์กันก่อนได้นา นี่ก๊อตว่าแฟนแฮรี่มาแล้วคงหยิบจับของกันสนุกเลยแหละ เพราะเค้ามีสินค้าให้เลือกแบบละลานตาเลย
จบจากตรงนี้ถือเป็นอันจบการรีวิวพาทัวร์ Warner Bros. Studio Tour Tokyo – The Making of Harry Potter ของก๊อตในครั้งนี้ เป็นการมาเที่ยวที่ครั้งแรกที่ประทับใจมาก ความยิ่งใหญ่ของแฮรี่ พอตเตอร์ที่เราเห็นกันในภาพยนตร์มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย พอได้มาเห็นโลกเวทย์มนต์ ปราสาทฮอกวอตส์ในชีวิตจริงแบบนี้มันฟูลฟีลและเติมเต็มความฝันในวัยเด็กที่อยากจะลองขี่ไม้กวาดวิเศษท่องเที่ยวไปในฮอกวอตส์จริงๆ ทุกตารางเมตรที่ก้าวผ่านเต็มไปด้วยเรื่องราวเบื้องหลังมากมายที่แต่ละอย่างนั้นสะท้อนให้เห็นเลยว่า กว่าแฮรี่ พอตเตอร์จะขึ้นมาเป็นภาพยนตร์อันดับหนึ่งในใจทุกคนตลอดกาลแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ใครที่อยากมาทดลองเป็นนักเรียนฮอกวอตส์ ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศแห่งโลกเวทย์มนตร์ควรมาที่นี่สักครั้ง ยิ่งใครที่เป็นคอหนังแฮรี่อยู่แล้ว บอกเลยว่าพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
2 comments
ลูกชายพี่จองไม่ทัน แต่จะเดินทางไปญี่ปุ่นเดือนหน้า 1เดือน เหตุที่จองไม่ทันเพราะแยกกันของกลุ่มเพื่อน วันหนึ่งไปดีสนีย์แลนด์ อีกวันไปแฮร์รี่ วันลงแฮร์รี่เพื่อนในกลุ่มยึกยักเลยอด ไม่ทราบว่า จะสามารถหาซื้อตั๋วได้ที่ไหนอีกค่ะ
ลองดูใน KKday อีกทางนึงมั้ยครับว่ายังมีตั๋วมั้ย ลิงค์ > https://www.kkday.com/th/product/144383-warner-bros-studio-tour-tokyo-the-making-of-harry-potter-ticket?cid=8398&ud1=WBTokyoWeb