ยอร์ค (York) เป็นเมืองเล็กๆน่ารัก ที่ส่วนตัวก๊อตคิดว่าเป็นอีกเมืองที่ห้ามพลาดเมื่อเรามาเที่ยวอังกฤษเลยแหละ ที่นี่ถือเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 2,000 ปี ตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันเลยเชียวนะ ดังนั้น ถ้าใครที่วางแพลนที่จะเที่ยวตั้งแต่ลอนดอน (London) แล้วไปเมืองเอดิบะระ ( Edinburgh) ด้วยแล้วล่ะก็ การแวะเที่ยวยอร์คซักหนึ่งคืน ถือเป็นตัวเลือกที่ดี ใช้เวลาหนึ่งวันได้สบายๆ แถมยังไม่เหนื่อยเรื่องการเดินทางมากอีก เพราะยอร์คนี่อยู่กลางทางระหว่าง ลอนดอน-เอดิบะระ (London-Edinburgh) นะแจ๊ะ
รีวิว เที่ยวอังกฤษ + แพลนเที่ยวอังกฤษ
สำหรับการไปเที่ยวอังกฤษรอบนี้ ถือเป็นการเที่ยวอังกฤษรอบที่สองหลังจากรอบแรก ภายในหนึ่งเดือนแค่นั้นเอง คือจะเรียกบ้าก็ว่าบ้า เพราะครั้งแรกไปแล้วรู้สึกยังไม่เต็มอิ่ม แถมไปแค่ลอนดอนที่เดียว มารอบสองรอบนี้เลยจัดเต็มชุดใหญ่เลยจ้าแม่ ใช้เวลาทั้งหมด 11 วัน 10 คืน โดยเราจะบินไป-กลับไทย จากลอนดอน และไปเที่ยวยังเมืองต่างๆ ตั้งแต่ ยอร์ค (York) เอดินบะระ (Edinburgh) อินเวอร์เนสส์ (Inverness) เกาะสกาย (Isle of Skye) บาธ (Bath) และจัดเต็มก่อนกลับไทยที่ ลอนดอน (London) นั่นเอง ใครที่อยากตามรอยอะไรแบบนี้ ดูแพลนแบบละเอียดด้านล่างเลยจ้า ทำมาเป็นตารางให้แล้วจ้าา
รีวิวประเทศอังกฤษ ทั้งหมดของ Hashcorner
1. รีวิว ยอร์ค (York) คลิก
2. รีวิว เอดินบะระ (Edinburgh) คลิก
3. รีวิว อินเวอร์เนสส์ (Inverness) คลิก
4. รีวิว เกาะสกาย (Isle of Skye) คลิก
5. รีวิว บาธ (Bath) คลิก
6. รีวิว ลอนดอน (London) #1 คลิก
7. รีวิว ลอนดอน (London) #2 คลิก
มายอร์คด้วยรถไฟ + ใช้ BritRail Pass
วิธีการมาเที่ยวยอร์คนั้น วิธีที่สะดวกที่สะดวกที่สุดนั่นคือการนั่งรถไฟมานั่นเอง ไม่ว่าเราจะมาจาก ลอนดอน (London) หรือ เอดินบะระ (Edinburgh) เราจะนั่งรถไฟประมาณ 2-2.30 ชั่วโมงเท่านั้น นี่เลยบอกว่าเมืองยอร์ค เหมาะแก่การเป็นเมืองแวะพักเที่ยวก่อนจะไปเมืองอื่นต่อนั่นเอง เพราะถ้าเรานั่งจาก ลอนดอน <-> เอดินบะระ เลย คือเราต้องนั่งประมาณ 5-6 ชั่วโมง เอาจริงเหอะ โคตรเหนื่อยยยย
Single Ticket / Return Ticket
สำหรับใครที่ไม่ได้มีพาสรถไฟ BritRail ที่เดินทางไม่จำกัดล่ะก็ นี่แนะนำให้เราจองตั๋วรถไฟไว้ล่วงหน้าได้เลย เพราะบางเส้นทางยอดฮิตอย่างเช่น ลอนดอน-เอดิบะระ (London-Edinburgh) รถไฟบางรอบที่เป็นช่วงพีคนี่แทบจะเต็มเกือบทุกตู้รถนะเออ ดังนั้น จองตั๋วรถไฟไว้ล่วงหน้าเถอะ จะได้อุ่นใจและได้เดินทางตามที่แพลนไว้นั่นเอง
💸🚈 ส่วนเว็บไซต์ที่ก๊อตแนะนำสำหรับการจองตั๋วรถไฟในอังกฤษ คงเป็น Trip.com เพราะว่ามี Support ภาษาไทย เผื่อมีปัญหาบลาๆ เรายังสามารถโทรคุยภาษาไทยได้สะดวกงี้ และเท่าที่ลองจิ้มๆกดๆมา (ยังไม่ได้ลองซื้อจริง ใช้จริงนะ เพราะส่วนตัวใช้ BritRail) คือเค้าไม่มีค่าธรรมเนียมการจอง แถมเที่ยวรถไฟบางรอบยังถูกกว่าเว็บอื่นๆด้วยนะเออ เห็นแบบนี้แล้วต้องลอง เมื่อจองที่เว็บแล้ว ต้องไปเอาตั๋วที่สถานีโดยไปรับตั๋วที่ตู้ออกตั๋วอัตโนมัตินะจ้าา เข้าซื้อตั๋วรถไฟที่อังกฤษที่ Trip.com คลิกที่นี่เลย
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
BritRail Pass
ถ้าใครเดินทางข้ามเมืองด้วยรถไฟเยอะและหลายครั้งล่ะก็ นี่จะแนะนำให้เราซื้อ Britrail Pass ไว้แทนการซื้อตั๋วทีละรอบ ซึ่งถ้าใครที่คุ้นชินกับการใช้ JR Pass ที่ญี่ปุ่น มันคือรูปแบบเดียวกันเล้ย คือเราจะนั่งรถไฟระหว่างเมืองได้ไม่จำกัดตามจำนวนวันที่เราซื้อไว้ โดยมีให้ซื้อตั้งแต่ 2, 3, 4, 8, 15, 22 และ 30 วันแบบติดต่อกัน หรือแบบ Flexi ที่เลือกวันเดินทางได้ภายใน 1 เดือน นอกจากจำนวนวันแล้ว เค้ายังมีให้เราเลือกคลาสที่นั่งอีกทั้งแบบ Standard Class และ First Class อีกด้วย ซึ่งอันนี้แล้วแต่ความสะดวกและกำลังเงินของแต่ละคนเล้ย
สุดท้ายที่สำคัญสุดๆ BritRail ยังแบ่งเป็นพาสย่อยสำหรับการขึ้นรถไฟตามภูมิภาคต่างๆ และยังมีแบบที่ใช้รถไฟได้ทั้งประเทศอีก (เหมือน JR Pass เป๊ะ) โดยเค้าจะแบ่งตามนี้ คือ BritRail Pass, BritRail England Pass, BritRail London Plus Pass, BritRail Spirit of Scotland, BritRail Central Scotland Pass, BritRail Scottish Highlands Pass, BritRail South West Pass บอกตามตรงว่า อันนี้เราต้องดูแพลนตัวเองว่าไปไหนบ้างในอังกฤษ ทีนี้เราจะรู้เองว่าเราควรซื้อแบบไหน และจำนวนกี่วันนั่นเอง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บ BritRail ได้ ที่นี่
💸🚈 ส่วนสถานที่ซื้อ BritRail Pass นั้น ก๊อตยังคงแนะนำให้ซื้อที่ KLOOK เพราะราคาที่ถูกกว่าเว็บอื่นๆ มีตัวเลือก BritRail ที่ครบทุกแบบ แถมยังมีส่วนลดโปรโมชั่นประจำเดือนที่ KLOOK เค้ามีตลอดเวลานั่นเอง ดูพาส BritRail ทั้งหมดใน KLOOK คลิกที่นี่ // ดูส่วนลด KLOOK ประจำเดือน คลิกที่นี่
สำหรับสิ่งที่ควรรู้ไว้สำหรับการซื้อ BritRail คือ
1. ควรซื้อ BritRail Pass ล่วงหน้าก่อนวันเดินทางไปอังกฤษ เอาแบบเซฟๆ ปลอดภัย แนะนำให้ซื้อล่วงหน้าสองอาทิตย์ เพราะ KLOOK เค้าใช้เวลาส่งไปรษณีย์มาถึงบ้านเราประมาณ 7 วัน และเผื่อโชคร้าย เกิดดีเลย์ในการส่งนั่นเอง
2. เมื่อเราได้ BritRail Pass แล้ว เมื่อนำไปใช้ที่อังกฤษ เราต้อง Activate ตัวพาสก่อนใช้ครั้งแรก โดยไปสแตมป์ที่เคาท์เตอร์ออกตั๋ว หรือ เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่สถานีรถไฟนะเออ การสแตมป์นี้เสมือนเป็นการประทับตราแสดงว่าเริ่มใช้วันไหน
3. BritRail Pass ที่ครอบคลุมในส่วนของลอนดอน สามารถใช้ขึ้น Heathrow Express ได้นาจา
วิธีเดินทางในตัวเมืองยอร์ค
ส่วนเรื่องการเดินทางในตัวเมืองยอร์คนั้น เอาจริงๆ แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน มีทั้งรถเมล์, แท็กซี่, รถท่องเที่ยว Hop-On Hop-Off รวมถึงเดิน ซึ่งที่ท่องเที่ยวทั้งหมดที่ก๊อตได้ไปในเมืองยอร์คนั้น ถือว่าไม่ได้ไกลกันมาก แถมอากาศเย็นๆ ชิลๆ นี่ก็เลยไม่ขึ้นอะไรเลยจ้า เดินอย่างเดียวเลยจ่ะ 5555555
⚡️ดังนั้น เรื่องการเดินทางในตัวเมืองยอร์คนี่ขอข้าม เพราะก๊อตเดินอย่างเดียว แต่ถ้าใครต้องการสะดวกแนะนำให้ขึ้นแท็กซี่ เรียกอูเบอร์ ไม่ก็ซื้อบัตรขึ้น Hop-On Hop-Off Bus แบบไม่จำกัดได้จาก KLOOK เด้อ // คลิกดูและซื้อ York Hop-On Hop-Off City Sightseeing Bus Tour จาก KLOOK ที่นี่
ข้อมูลแน่นเอี๊ยดแล้ว เที่ยวยอร์คกันดีกว่า
อาสนวิหารยอร์ค / ยอร์คมินสเตอร์ (York Minster)
อาสนวิหารยอร์ก / ยอร์คมินสเตอร์ (York Minster) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเมืองยอร์คแล้วนะเว้ย คือถ้าใครไม่ได้มาเที่ยวที่นี่ อาจจะเรียกได้ว่า ยูมาไม่ถึงยอร์คนะจ๊ะ เพราะที่นี่ถือเป็นสถานทางศาสนาที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของอังกฤษ โดยเราสังเกตได้จากคำว่า ‘มินสเตอร์ (Minster)’ ที่เสมือนบ่งบอกว่าที่นี่คือโบสถ์ใหญ่ที่สำคัญ ซึ่งเราจะเห็นชื่อนี้ได้อีกที่ในลอนดอน นั่นคือ เวสต์มินสเตอร์ แอบบีย์ (Westminster Abbey) นั่นเองเด้อ
ยอร์คมินสเตอร์ (York Minster) ถือเป็นอาสนวิหารสไตล์กอธิคที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ โดยประวัติศาสตร์เค้าเริ่มต้นจากการสร้างขึ้นด้วยไม้เพื่อทำพิธีศีลล้างบาปให้กับกษัตริย์แห่งนอร์ทธัมเบรีย (ยุคกลาง) ในปี ค.ศ. 627 และวนด้วยการสร้างใหม่ ถูกเผา ถูกทำลายเรื่อยมา จนเมื่อปี ค.ศ. 1100 ได้ถูกบูรณะอีกครั้งโดยชาวนอร์มัน (Normans) และในปี ค.ศ. 1225-1255 ที่นี่ถูกตั้งใจให้เปลี่ยนเป็นวิหารสไตล์กอธิคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของอังกฤษ โดยเปรียบเทียบรูปแบบมาจาก อาสนวิหารแคนเทอร์เบอรี (Canterbury Cathedral) นั่นเอง
นี่บอกเลยว่า ยอร์คมินสเตอร์ (York Minster) คือโคตรสวย สวยตั้งแต่ด้านนอกยันด้านในด้วยสถาปัตยกรรมกอธิค กระจกแก้วที่เล่าเรื่องราวทั้งเรื่องประวัติศาสตร์และศาสนาที่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 (ซึ่งกระจกแก้วเหล่านี้คือของล้ำค่า ที่เมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ทางวิหารต้องถอดกระจกทั้ง 109 บานออกหมดเพื่อนำไปซ่อน เพราะกลัวจะโดยทำลายจากการโดนระเบิดทางอากาศ แต่คือโคตรโชคดีที่ไม่โดนบอมบ์) นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งภายในของหลังคา การแกะสลักของเสาหิน กำแพง และองค์ประกอบต่างๆของวิหาร คือนี่ยกให้สถานที่ยืนหนึ่งที่ควรมาดูจริงๆ ทุกอันคืองานละเอียดและมาสเตอร์พีซนะเว้ย
💸 สำหรับค่าเข้าชม ยอร์คมินสเตอร์ (York Minster) อยู่ที่ 11.5 ปอนด์ ส่วนตัวคิดว่าราคานี้ถือว่าไม่แรงมากแหละ แต่ถ้าใครอยากจะปีนขึ้นทาวเวอร์ โดยก้าวขึ้นบันไดเกือบ 300 ขั้นเพื่อไปยังด้านบนดาดฟ้าของวิหาร เราจะต้องเสียเพิ่ม 5 ปอนด์
อันนี้เราจะได้เห็นมุม ยอร์คมินสเตอร์ (York Minster) ในมุมอื่นที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้านล่าง รวมถึงยังได้เห็นวิวรอบทิศทางของเมืองยอร์คอีกด้วย ซึ่งนี่เชียร์ให้ซื้อเพิ่ม เพราะเป็นอีกอันที่นี่รู้สึกว่ามันสนุกและเห็นอะไรได้มากขึ้นนั่นเอง มันดีมากกกก 55555
เดอะแชมเบิลส์ (The Shambles)
เดินจาก ยอร์คมินสเตอร์ (York Minster) มายัง เดอะแชมเบิลส์ (The Shambles) ซอยตรงนี้ถือว่าเป็นถนนอีกเส้นที่ร้านค้าเยอะ และมีชีวิตชีวามาก มีทั้งการแสดงดนตรีสด ตั้งแผงวาดภาพ และร้านน่ารักๆ อีกด้วย ถึงใครที่อยากช้อปปิ้งในเมืองยอร์ค แนะนำแถวๆนี้เลยย
นอกจากนี้ เค้ายังมีร้านช็อกโกแลตชื่อดังของยอร์คอย่าง York’s Chocolate Story ที่มีทัวร์เกี่ยวกับช็อคโกแลต รวมถึงมีคาแฟ่ในตัวอีกด้วย นี่ได้แวะไปซื้อช็อคโกแลตกินอย่างเดียว เออว่ะ ของเค้าอร่อยจริง เสียดายไม่ได้เข้าไปทัวร์ของเค้าด้วย เพราะนี่ไม่ได้สนใจเรื่องประวัติและที่มาของช็อคโกแลตมากขนาดนั้น 55555
จาก York’s Chocolate Story เดินมาอีกนิดทางด้านขวา เราจะเริ่มเข้าสู่ตรอกถนนชื่อดัง เดอะแชมเบิลส์ (The Shambles) ที่เค้าบอกกันว่า ที่นี่เป็นตรอกที่สร้างแรงบันดาลใจและต้นแบบให้กับ ตรอกไดแอกอน (Diagon Alley) ในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ด้วยลักษณะของบ้านไม้ที่คล้ายกัน นั่นเอ๊งงง 🧙🏻♀️
เอาจริงๆ นี่ว่าตรอก เดอะแชมเบิลส์ (The Shambles) สวยและมีเสน่ห์จริง จนตอนนี้กลายเป็นที่ท่องเที่ยวฮิตรองจาก ยอร์คมินสเตอร์ (York Minster) ไปแล้วอ่ะ เอ้อออ
เดอะแชมเบิลส์ (The Shambles) สมัยก่อนนี่เป็นตรอกที่เต็มไปด้วยร้านขายเนื้อสัตว์เต็มตลอดทั้งซอยโดยมีมาตั้งแต่ยุคกลาง แต่ปัจจุบัน ร้านขายเนื้อพวกนี้ถูกแทนด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่แทนหมดเรียบร้อย ที่เก๋สำหรับคนรักหนังแฮร์รี่คือ ที่นี่มีร้านที่ชื่อว่า The Shop That Must Not Be Named ที่ขายของทุกอย่างที่เกี่ยวกับ Harry Potter ด้วยนะเออ ใครอยากได้ไม้กายสิทธิ์ หรือไม้กวาดนี่ มาหาซื้อที่นี่ได้นาจา 555555
หอคอยคลิฟฟอร์ดส์ (Clifford Tower)
สถานที่สุดท้ายมาเที่ยวในเมืองยอร์ค คือ หอคอยคลิฟฟอร์ดส์ (Clifford Tower) ซึ่งตอนที่มาคือรู้อยู่แล้วมาว่ามาไม่ทัน เพราะมันปิดเร็วโคตรๆ แต่ในเมื่อเราสามารถเดินมาได้ไม่ไกล แถมเดินเล่นดูหอคอยได้จากบริเวณรอบๆ ก็เลยเดินมาหน่อยแล้วกัน // ใครที่มาเร็วหน่อย ถ้าเราปีนขึ้นไปบนหอคอย เราสามารถดูวิวเมืองยอร์คสวยๆ รวมถึง มหาวิหารยอร์ก (York Minster) ได้จากตรงนี้นะแจ๊ะ
ที่น่าสนใจและหลายคนอาจจะไม่รู้คือ เมืองยอร์ค เค้าก็มีปราสาทเหมือนเมืองอื่นๆ ด้วยเหมือนกัน ซึ่ง หอคอยคลิฟฟอร์ดส์ (Clifford Tower) นี่แหละ คือ 1 ใน 2 ปราสาทที่หลงเหลืออยู่ และยังเคยเป็นศูนย์การการปกครองของอังกฤษฝั่งเหนือ แถมยังเคยเป็นคุกอีกด้วยนะเออ
แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ หอคอยคลิฟฟอร์ดส์ (Clifford Tower) ในช่วงศตวรรษที่ 12 ที่กลุ่มคนชาวยิวในเมืองยอร์ค 150 คน ถูกม็อบคริสเตียนรุมล้อม มีการฆ่าตัวตายและฆาตกรรมหมู่เกิดขึ้นในช่วงปี 1190 สาเหตุเพราะ เกิดจากความตึงระหว่างกลุ่มคริสเตียนกับกลุ่มคนยิว ซึ่งเค้าบอกกันว่าช่วงนั้น คนยิวคือรวย และเป็นเจ้าหนี้ให้ยืมเงิน รวมถึงตอนนั้นยังมี Propaganda เกี่ยวกับสงครามศาสนาครูเสดระหว่างคริสเตียนกับอิสลามในหลายเมือง แต่คนยิวดันซวย และโดนโยงเข้าไปเกี่ยวด้วย ทำให้เกิดการฆ่าตายยกหมู่ที่เกิดขึ้นในหอคอยนี้ด้วยนั่นเอง
ถ่ายรูปเล่นที่ หอคอยคลิฟฟอร์ดส์ (Clifford Tower) เสร็จ พระอาทิตย์ก็ตกจนเกือบจะมืดพอดี แสงตอนนี้คือดีย์ม๊าก จากหอคอย เราก็เดินกลับที่พักไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ เพื่อเดิมชมเมืองไปด้วย ซึ่งนี่สรุปให้ว่า ยอร์ค (York) ถือเป็นอีกเมืองที่บรรยากาศโคตรดีเลย เที่ยวง่าย เดินง่าย แถมเมืองยังสวยอีกด้วย!
ที่พักในยอร์ค
Safestay York
สำหรับที่พักที่ก๊อตเลือกในเมืองยอร์คนี่ มีความเน้นประหยัดและความสะดวกของการเดินทาง โดยตัวโรงแรมต้องอยู่ใกล้สถานีรถไฟยอร์ค เพราะเราเดินทางมาด้วยรถไฟ และต่อรถไฟไปยังเมืองอื่นต่อ แถมการเที่ยวภายในเมืองยอร์คเองก็ต้องสะดวก สามารถเดินไปเที่ยวได้แบบง่ายๆ ไม่ไกลมาก ซึ่งมีที่เข้าตาอยู่ที่นึง คือ Safestay York นั่นเอ๊งง
Safestay York เป็นกึ่งโรงแรมกึ่งโฮสเทล ที่ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟยอร์กในระยะทางเดินได้แบบใกล้ๆ แถมยังเดินไปเที่ยว มหาวิหารยอร์ก (York Minster) ได้ง่ายมากอีกด้วย ที่นี่มีทั้งห้องนอนรวมแบบดอร์ม และห้องส่วนตัวแหละ ตัวก๊อตเองเลือกนอนห้องเดี่ยว และมีห้องน้ำในตัวนะแจ๊ะ โดยรวมถือว่าค่อนข้างดีเลย คือมันไม่ได้ดีเลิศ เว่อร์วัง แต่มันคุ้มค่าในราคาที่เราจ่ายไป พื้นที่ห้องพอดี ห้องน้ำเล็กไปนิด เตียงนอนหลับได้สบาย
ข้อเสียออย่างเดียว สำหรับคนที่จองห้องนอนส่วนตัวแบบก๊อตก็คือ ห้องดันอยู่ชั้น 3 ที่ไม่มีลิฟท์ ดังนั้นถ้าใครที่เอากระเป๋าใบใหญ่มาเที่ยวแบบก๊อตนี่ กว่าจะแบกขึ้นมาบนห้องได้ นี่แทบตายเลยจ้าา เหนื่อยหอบ 555555
ราคาห้องพักเริ่มต้น 7o0 บาท/คืน ดูเรทและจอง เซฟสเตย์ โฮสเทล ยอร์ก (Safestay Hostel York) สามารถคลิกลิงค์ด้านล่าง เพื่อดูเรทราคาและจองผ่าน OTA ที่ชอบได้เลย
ดูผ่าน Expedia.co.th // ดูผ่าน Booking.com // ดูผ่าน Agoda.com //
ดูผ่าน Hotels.com // ดูผ่าน Trip.com
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡