เมืองอาซาฮิกาว่า (Asahikawa) และเมืองบิเอะ (Biei) นั้น เป็นเมืองอันดับที่ 3 และ 4 ของทริปการไปเที่ยวฮอกไกโดหน้าหนาว โดยเราจะนอนอยู่เมืองอาซาฮิกาว่า 2 คืน แต่เที่ยวตัวเมืองอาซาฮิกาว่าแค่วันเดียว คือการไปเที่ยวสวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo) ชื่อดัง ที่มีคนเข้าชมมากที่สุดอันดับสองของญี่ปุ่น จากนั้นอีกวันหนึ่ง เราจะลงใต้เมืองอาซาฮิกาว่าไปนิดหน่อย เพื่อไปยังเมืองบิเอะ ดูต้นไม้เซเลปที่ดังมาจากโฆษณาในญี่ปุ่น (ฮ่าา) จากนั้นจะพาไปดูน้ำตกและบ่อน้ำสีฟ้า Blue Pond กัน
โปรแกรมหลักๆของ อาซาฮิกาว่า-บิเอะ (Asahikawa-Biei) จะประมาณนี้ รีวิวนี้นั้นจะมีครบทุกสถานที่ วิธีการเดินทาง การเช่ารถขับ รวมถึงห้องพักในเมืองที่ได้ไปมา Hashcorner จัดเต็มอีกเช่นเคย ดังนั้นเริ่มอ่านได้เล้ยยย!
วอร์มอัพด้วยวิดีโอทริปฮอกไกโด
ภาพรวมทริปฮอกไกโด 11 วัน 10 คืน
ทริปนี้ถือว่าเป็นทริปโคตรอภิมหากาพย์ของปีเลยทีเดียว เพราะว่าไปเที่ยวตั้ง 11 วัน 10 คืน และมีความตั้งใจว่าจะเที่ยวรอบเกาะฮอกไกโดให้ได้ทั้งหมดเท่าที่จะทำได้เราจะเริ่มต้นทริปด้วยการบินจาก กรุงเทพ-นาริตะ ต่อเครื่องจาก นาริตะ-ชิโตเสะ (ซัปโปโร) และ เริ่มเที่ยวจากเมืองสู่เมืองทั้งหมด 7 เมือง คือ ซัปโปโร / โอตารุ / อาซาฮิกาวะ / บิเอะ / อะบาชิริ / คุชิโระ / ฮาโกดาเตะ จากนั้นจะนั่งรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็นจาก ฮาโกดาเตะ เข้าสู่โตเกียวและบินกลับกรุงเทพ
รายละเอียดแพลนเที่ยวทั้งหมด ผมทำเป็นตารางไว้ให้เป็นไกด์ไลน์แล้ว หากใครต้องการดู สามารถคลิกที่นี่ หรือรูปด้านล่างแล้วโหลดตารางทริปใน Google Sheet ได้เลย สามารถ export เป็น Excel เพื่อแก้แพลนแล้วแต่ความชอบ หรือจะ export สำเร็จรูปเป็น PDF ก็ยังได้ เริ่ดมั้ยล่ะ นี่ทำเพื่อทุกคนนะเฟร้ย
รีวิว ซัปโปโร (Sapporo) คลิก
รีวิว โอตารุ (Otaru) คลิก
รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei) คลิก
รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro) คลิก
อาซาฮิกาว่า (Asahikawa)
อาซาฮิกาว่า (Asahikawa) นั้นถือเป็นเมืองใหญ่อันดับสองในเกาะฮอกไกโด รองจากซัปโปโรแค่นั้นเอง เมื่อเทียบกับซัปโปโรแล้ว ที่นี่อาจจะไม่ได้ดูเจริญแบบตึกสูงเยอะแยะมากมายเหมือนซัปโปโร แต่เค้าก็มีสวนสัตว์ชื่อดังอันดับสองของญี่ปุ่นแล้วกันน่าาา ความใหญ่ของสถานีรถไฟ JR Asahikawa ก็ไม่น้อยหน้า เพราะความอลังของที่นี่คือใหญ่มาก แถมยังตกแต่งโทนอบอุ่นด้วยสีไม้สบายตาอีกด้วย เดินไปอีกนิดยังมีห้าง Aeon Mall ที่เชื่อมกับสถานีรถไฟอีก ดังนั้นการเลือกที่พักจึงควรเลือกใกล้ๆสถานีรถไฟ ซึ่งเรามีแนะนำรีวิวที่พักในต้อนท้ายนั่นเอง
เอาล่ะ รู้จักกันพอประมาณแล้ว งั้นเราลุยกันต่อเลย!
การเดินทางไปยังอาซาฮิกาว่า (Asahikawa) จากซัปโปโร (Sapporo)
หากใครมี JR Pass หรือ JR Hokkaido Pass อยู่แล้ว สามารถนั่งรถไฟจากซัปโปโรไปอาซาฮิกาว่าได้เลยง่ายๆ แต่สำหรับผมนั้น พอดีซื้อ JR Pass แบบ 7 วันไว้ แต่ว่าตั้งใจจะเริ่มใช้ในวันถัดไปเพื่อคลุม 7 วันสุดท้าย เพราะว่าจะนั่งชินคันเซ็นจากฮาโกดาเตะไปยังโตเกียวไง๊ ดังนั้นเราต้องหาวิธีไปอาซาฮิกาว่า (Asahikawa) เอง โดยไม่ต้องใช้พาสอะไรทั้งนั้น ทีนี้พอมาดูราคาตั๋วเปรียบเทียบรถไปกับรถบัสแล้ว คือ..
! ราคารถไฟ Sapporo -> Asahikawa : 4,290 เยน หรือประมาณ 1,330 บาท ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 25 นาที
! รถบัสของ Chou Bus จาก Sapporo -> Asahikawa : 2,090 เยน หรือประมาณ 648 บาท ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 25 นาที
รถบัสราคาถูกกว่าครึ่งต่อครึ่ง นี่เลยเลือกไปแบบรถบัสแทน ใช้เวลามากกว่าแค่ชั่วโมงเดียว หลับแปปๆก็ถึง
ทีนี้หากใครตัดสินใจที่จะนั่งรถบัสไปเมืองอาซาฮิกาว่า บัสเทอมินอลเมืองซัปโปโรจะอยู่ตรงแถวสถานี JR Sapporo ใต้ห้าง ESTA (GPS: 43.067594, 141.352090) หาไม่ยากเล้ย บริษัทรถบัสชื่อ CHOU BUS มีรถออกทุกชั่วโมง ไม่ต้องจองล่วงหน้า ไปซื้อตั๋วข้างหน้า สบาย สบายตามนี้ได้เลย
สวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo)
สวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo) มีอายุเกือบ 50 ปีแล้ว ถือเป็นสวนสัตว์ที่มีคนมาเที่ยวมากที่สุดอันดับสองของญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นสวนสัตว์ที่อยู่เหนือสุดของประเทศด้วยแกร สัตว์ทั้งหมดของสวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo) นั้นมีอยู่ประมาณ 700 ตัว 124 สปีชีส์ และมีสัตว์ขั้วโลกด้วยอย่างหมีโพล่า หมาป่า ที่หาดูไม่ได้แน่นอนในเมืองไทย
ราคาเข้าชมสวนสัตว์อยู่ที่ 820 เยน เปิดเข้าชมเวลา 10.30-15.30 น. ในหน้าหนาว
วิธีการมาสวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo)
ให้นั่งรถเมล์สาย 41 / 42 / 47 โดยขึ้นรถเมล์ป้ายที่ 6 หน้าประตูทางออกฝั่ง East ของสถานีรถไฟ JR Asahikawa รถจะออกทุกครึ่งชั่วโมง โดยใช้เวลาการเดินทางมาประมาณ 40 นาที ค่าโดยสารคนละ 440 เยน สำหรับตารางเวลารถบัส คือตามนี้เล้ยยย
บ้านเพนกวิน
เริ่มต้นกันที่บ้านเพนกวิน เราจะได้เห็นเพนกวินในหลากหลายรูปแบบมาก ไม่ว่าจะอยู่ในตัวบ้านเอง หรือแม้แต่ด้านนอกที่เพนกวินกำลังยืนตากหิมะอยู่ มันน่ารักมากแง่ะ เมืองไทยอาจจะมีเพนกวินให้ดู แต่เพนกวินอยู่ท่ามกลางหิมะแบบนี้ เมืองไทยไม่มีนาจาาาา น่าร้ากก
พาเหรดเพนกวิน
รู้มั้ยว่า พาเหรดเพนกวินนี่เป็นอะไรที่โคตรไฮไลท์ของที่นี่ คือเค้าจะปล่อยเพนกวินออกมาเดินเป็นกลุ่มตามเส้นทางที่ทางสวนสัตว์ขีดเส้นไว้ประมาณ 500 เมตร นักท่องเที่ยวก็จะไปยืนรอต้อนรับดูเพนกวินค่อยๆก้าวขาเดินแบบใกล้ๆ เวลามันเดินบนหิมะมันจะเดินกันเป็นกลุ่มพร้อมกัน อีกทั้งยังร้องกรี๊ดกร๊าดกันเป็นกลุ่มอีกด้วยแหละ จะบอกว่าโคตรน่ารักเลยยยยย แอร้ยย
พาเหรดเพนกวินจะมีอยู่สองรอบต่อวันในช่วงหน้าหนาว เวลา 11.00 น. และ 14.30 น.
แพนด้าแดง
แพนด้าแดง หรือ เรดแพนด้า (Red Panda) เป็นสัตว์ที่หาเจอได้แถบเทือกเขาหิมาลัย หน้าตาเหมือนแรคคูนผสมกระรอก ซึ่งในสวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo) นั้นมีอยู่สองตัว ที่พึ่งเกิดเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2559 นี้เอง เราจะเห็นมันเดินไปเดินมา ปีนป่ายต้นไม้กันอยู่สองตัว น่ารักจริงๆ
บ้านแมวน้ำ (Seal House)
บ้านนี้เป็นอีกบ้านนึงที่ตื่นเต้นดี คือเราจะได้เข้าไปดูแมวน้ำว่ายไปว่ายมา แล้วที่เด็ดคือ แมวน้ำมันว่ายผ่านท่อจากล่างขึ้นบน ไม่ก็บนขึ้นล่าง โดยตอนที่มันว่ายที คนก็ร้องว้าวววที โคตรสนุกเลย 5555 อ้อ.. ในบ้านแมวนำ้นี้ยังมีปลาหมึกยักษ์แสดงอีกด้วย
หมีขาวขั้วโลก โพล่าแบร์
อีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดของการมาสวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo) คือ การมาดูหมีขั้วโลกแจ้ นี่ตื่นเต้นมาก เพราะมันไม่มีในเมืองไทยไง ฮ่าๆ 😀 ทางสวนสัตว์เค้าก็จะทำการจัดแสดงการให้อาหารหมีโพล่าด้วย โดยจะโยนปลาลงไปในบ่อน้ำ ให้หมีมันลงไปว่ายงาบปลากิน คือมันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากอะแกร ด้วยตัวหมีที่ตัวใหญ่น้ำหนักหลายร้อยโล ว่ายน้ำไปมาเพื่อกินอาหาร มันน่ารักจริงๆ
หลังจากจบการแสดงให้อาหารหมีโพล่า พวกมันก็จะออกมาเดินวนไปวนมาในบ้าน ซึ่งนี่ก็สังเกตดูมันเดินประมาณ 10 นาที ที่น่าแปลกและยังหาคำตอบไม่ได้คือ มันจะเดินวนรอบบ้านซ้ำๆอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนไปไหน และจะเงยหน้าแหงนขึ้นท้องฟ้าอยู่จุดเดิมของมันด้วย คือนี่ก็ไม่รู้ว่ามันยังไง อาจจะเป็นพฤติกรรมของหมีเค้า คือเราดูมันเดินวนๆก็เพลินดี 🙂
สัตว์อื่นๆ
นอกจากเพนกวิน หมีโพล่าแบร์ ที่เป็นไฮไลท์ สวนสัตว์อาซาฮิยาม่ายังมีสัตว์ตัวอื่นๆให้ได้ชมกันอีก ไม่ว่าจะเป็นฝูงหมาป่า กวางเรนเดียร์ เสือโคร่ง แรด คือแบบเยอะแยะมากมาย คือเราก็จะได้ถึงวิถีชีวิตการอยู่ของสัตว์ว่ามันปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตยังไงบ้าง เมื่อมันอยู่ในสถานที่ที่หนาวติดลบขนาดนี้
เที่ยวเมืองบิเอะ (Biei)
เมืองบิเอะ (Biei) นั้น แทบจะอยู่กลางเกาะฮอกไกโดเลย ตั้งอยู่ใกล้เกือบเมืองใหญ่อย่างอาซาฮิกาว่า (Asahikawa) ประมาณ 40 นาที โดยหน้าหนาวกับหน้าร้อนของที่นี่ คือจะบอกว่าโคตรแตกต่างอย่างสิ้นเชิง หน้าร้อน เมืองบิเอะ (Biei) จะเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้หลากสีสันมากๆ ส่วนหน้าหนาว ที่นี่จะกลายเป็นทุ่งหิมะขาวโพลน รีวิวนี้เรามากันในหน้าหนาว ถ้าใครเป็นขามินิมอลสไตล์ + ความธรรมชาติ เราบอกเลยว่าอินแน่นอน แต่ถ้าใครไม่ใช่ ลองเลื่อนดูรูปก่อนว่าเราใช่แนวนี้มั้ย ถ้าใช่ก็จัดเลยครับ
เที่ยวบิเอะโดยใช้รถสาธารณะ
เมืองบิเอะ (Biei) สามารถมาเที่ยวได้ง่ายๆโดยนั่งรถไฟ JR ถ้าหากเรามาจากเมืองอาซาฮิกาว่า (Asahikawa) จะใช้เวลาประมาณแค่ 40 นาทีเท่านั้น แต่พอเรามาถึงเมืองบิเอะแล้วนี่สิ อาจจะค่อนข้างลำบากซักหน่อย เพราะเป็นการยากถ้าเราจะไปแถว Patchwork Road ที่เป็นที่ตั้งของพวกต้นไม้เซเลปชื่อดังอย่าง Seven Stars Tree / Tree of Ken and Mary / Mild Seven Hills และ Christmast Tree ในเมืองบิเอะ เพราะต้องเดินลุยหิมะอย่างเดียวแบบไกลมากๆ หรือไม่ก็เหมาแท็กซี่ ซึ่งโคตรแพง ดังนั้นเราจึงไม่แนะนำเลยจริงๆ
ส่วนโซน ชิโรกาเนะ ออนเซน (Shirogane Onsen) สำหรับการไปชม บ่อน้ำสีฟ้า (Blue Pond) และ น้ำตกชิราฮิเกะ (Shirahige Waterfall) นั้นยังโชคดีที่มีรถโดยสารประจำทางไว้ให้บริการ แต่รอบรถก็น้อยมาก ดังนั้นต้องแพลนเวลาดีๆครับผม สามารถดูตารางรถได้จากรูปด้านล่างที่ผมถ่ายมาจากสถานีรถไฟ JR Biei ได้เลยครับ (*ถ่ายเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2560)
เที่ยวบิเอะโดยเช่ารถขับ
การเช่ารถขับเองนั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวเมืองบิเอะเลยรู้ป่ะ เพราะอย่างที่บอกว่ารถสาธารณะของเมืองบิเอะแทบไม่มี ดังนั้นการเช่ารถขับจึงเป็นคำตอบ
ข้อควรรู้ในการเช่ารถในญี่ปุ่น
(1) ต้องมีใบขับขี่สากลจากเมืองไทย ซึ่งสามารถทำได้ที่กรมขนส่งในไทยเลย ใช้เวลาแปปเดียว ตอนแสดงให้กับร้านเช่ารถญี่ปุ่น ต้องยื่นทั้งใบขับขี่ไทย + ใบขับขี่สากล
(2) การขับรถที่ญี่ปุ่นใช้เลนซ้าย พวงมาลัยขวาเหมือนเมืองไทยเปี๊ยบ อันนี้น่าจะง่าย
(3) ต้องเคารพกฎจราจรของญี่ปุ่นอย่างเข้มงวด จากที่ผมขับไปบิเอะ ความเร็วห้ามเกิน 50 กม./ชม.
(4) ควรจองรถจากไทยก่อนไปญี่ปุ่น ราคา walk-in แพงมาก นี่โดนมาแล้ว
การขับรถในสภาพที่ถนนคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็งนั้น บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ดังนั้นใครขับรถไม่แข็ง ผมไม่อยากแนะนำให้ขับน้อว แต่ถ้าใจแข็งอยากลองก็ขับได้ แต่ควรขับช้าๆ ขับไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง และขับด้วยความไม่ประมาทก็ปลอดภัยได้ครับผม
บริษัทรถเช่าที่ผมได้ใช้บริการคือ Eki Rent a Car ในเครือ JR ซึ่งได้จองจากเว็บไซต์ก่อนไปถึงญี่ปุ่น เช่ารถขนาด S ใช้ 12 ชั่วโมง ในราคา 7,560 เยน แต่ดั๊นวันที่ไป หิมะแม่งตกหนักมาก พนักงานเค้าก็บอกว่ามันอันตรายนะเทอว .. เออ นี่ก็แคนเซิลไง ไปรถไฟก็ได้วะ พอไปถึงเมืองบิเอะ ท้องฟ้าแม่งโล่งมาก ก็เลยนั่งรถไฟกลับไปอาซาฮิกาว่าแล้วขอเช่าอีกรอบ นางไม่ให้แล้วจ้าาา .. จะขอเช่าใหม่แบบ walk-in นางก็ไม่ให้ เอ้อออออ เอาสิ นี่เลยรู้สึกไม่โอเคกับเจ้านี้เลย
โชคดีที่ยังมีร้านรถเช่าแบรนด์ใหญ่ชื่อ Nippon Rent a Car เหมือนกันตั้งอยู่ไม่ไกล ก็เลย walk-in เข้าไป รถขนาดไซส์ S ใช้เวลา 12 ชั่วโมงเหมือนกัน โดนไม่ 10,000 เยน โคตรแพง แต่ก็ต้องยอม สรุปได้ Honda Jazz มาแหละ
สำหรับเส้นทางการขับรถนั้น เราจะเริ่มต้นที่เมืองอาซาฮิกาว่า (Asahikawa) จากนั้นเราจะใส่ตัวเลือก MAP CODE ลงไปในเครื่องเนวิเกเตอร์ที่มีอยู่ในรถยนต์ทุกคัน ข้างล่างนี้คือเส้นทางที่ผมขับรถไป โดยเราจะเริ่มที่พวกเหล่าต้นไม้เซเลปกันก่อน เริ่มแรกที่ ต้นเซเว่นสตาร์ (Seven Stars Tree) เป็นจุดหมายแรก จากนั้น ต้นเคนแอนด์แมรี่ (Tree of Ken and Mary), เนินไมลด์เซเว่น (Mild Seven Hills), ต้นคริสต์มาสชื่อดัง (Christmas Tree)
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
พอเราเสร็จจากพวกต้นไม้เซเลปเสร็จแล้ว เราจะเข้าเมืองบิเอะ ไปหาอะไรทานซักหน่อย เนื่องจากไม่ไกลมาก เรื่องร้านอาหารผมอาจจะไม่ได้เขียนรีวิวในนี้นะ อันนี้แล้วแต่เลย จากนั้นเราค่อยไป บ่อน้ำสีฟ้า (Blue Pond) และ น้ำตกชิราฮิเกะ (Shirahige Waterfall) เป็นอันจบฮี่ฮี่
ต้นเซเว่นสตาร์ (Seven Stars Tree)
คือก่อนไปก็ไม่ได้รีเสิร์ชไรมากมายว่ามันคือต้นไหน รู้แต่ว่ามันดังเว้ย ทีนี้ ต้นเซเว่นสตาร์ (Seven Stars Tree) มันเคยเป็นต้นที่เคยอยู่บนแพคเกจจิ้งของยี่ห้อบุหรี่ Seven Stars มาก่อน มันก็เลยดัง แต่แกรรู้มั้ยยย … คือมันมีต้นไม้ต้นนึงอยู่ตรงหัวมุม กับต้นไม้ที่เรียงรายเป็นแนวยาว ทีนี้ต้นไม่ชื่อดังมันคือต้นเดี่ยวๆรูปข้างล่าง ข้างที่จอดรถเว้ย ซึ่งเราไม่ได้สนใจและไม่ได้ถ่ายรูปเลย มีแต่รูปเดียวรูปแรกที่ตั้งใจถ่ายรถ 5555555
อย่างที่บอก ใกล้ต้นเซเว่นสตาร์จะมีต้นไม้เรียงยาวอยู่ ซึ่งอันนี้มันสวยมว๊าก สวยจนเรานึกว่าไอ้นี่คือ ต้นเซเว่นสตาร์ (Seven Stars Tree) และใกล้ๆจะมีตู้กดน้ำขายอยู่เป็นคู่ คือดูขาวโพลนอยู่โดดเดี่ยวเป็นคู่กลางหิมะ ซึ่งเราก็คิดว่ามันแปลกดีเหมือนกัน สรุป.. เราไม่ได้สนใจต้นเซเลปเซเว่นสตาร์เลย 😛
MAP CODE สำหรับใส่ GPS: 389 157 129
ต้นเคนแอนด์แมรี่ (Tree of Ken and Mary)
ต้นไม้ต้นนี้ดังมาจากโฆษณารถยนต์ NISSAN Skyline GT ในปี 1973 ซึ่งมีตัวละครเคนกับแมรี่เป็นตัวเองในโฆษณา ต้นไม้ต้นนี้ก็เลยกลายเป็นเซเลปประจำเมืองบิเอะไปเลยแจ้ ดังถึงขนาดมีที่จอดรถที่ใหญ่พอตัวเพื่อมาดูต้นไม้ต้นนี้อ่ะแกร๊ ตัวต้นไม้นั่นโคตรใหญ่และสูงมากเลยล่ะ แต่ก็มีเท่านี้จริงๆ คือต้นโดดๆ อยู่ข้างถนน ถ้าใครจะมองว่ามันธรรมดา มันก็ธรรมดานะ แต่ถ้าใครมองแบบอาร์ต เราว่ามันก็สวยดี ฮ่าๆ
MAP CODE สำหรับใส่ GPS: 389 071 727
เนินไมลด์เซเว่น (Mild Seven Hills)
เนินไมล์ด์เซเว่น (Mild Seven Hills) ถูกตั้งเป็นชื่อเนินเขานี้เมื่อบุหรี่ชื่อดังอย่าง Mild Seven ได้มาถ่ายทำโฆษณาที่แนวต้นไม้นี้ตั้งแต่ปี 1970 หลังจากนั้น ที่นี่ก็กลายเป็นจุดแลนด์มาร์คที่ทุกคนต้องมาเห็น การเดินเข้าไปดูใกล้ๆ จะบอกว่าน่ากลัวเล็กน้อยนะ เพราะเราต้องเดินขึ้นเนินย่ำหิมะเข้าไปอีก ช่วงต้นทางของการเดินเข้าไปคือแบบ.. หิมะหนาเกือบครึ่งเข่าเลยแหละ
MAP CODE สำหรับใส่ GPS: 389 036 599
ต้นคริสต์มาสชื่อดัง (Christmas Tree)
สถานที่สุดท้ายสำหรับการมาดูต้นไม้เซเลปชื่อดังในเมืองบิเอะคือ ต้นคริสต์มาส ต้นไม้ที่มีรูปร่างคล้ายเหมือนต้นคริสต์มาส ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางทุ่งเนินเขาขาวโพลนที่เต็มไปด้วยหิมะ เราประทับใจกับต้นไม้อันนี้มากที่สุด เพราะมันสวยกว่าในรูปมากกกก
MAP CODE สำหรับใส่ GPS: 349 788 146
ต้นคริสต์มาสที่เราเห็นตั้งโดดเด่นต้นเดียวอยู่ด้านหน้า พอเห็นแล้วโคตรรู้สึกเหงามาก มากจริงๆ คือแบบ.. มึงต้องสตรองขนาดไหนถึงสามารถยืนต้นคนเดียวท่ามกลางอากาศหนาวติดลบได้ขนาดนี้
ฟีลลิ่งมันเหมือนคนโสดเล็กๆ ถึงแม้จะยังไม่มีใคร .. แต่เราก็ยังอยู่ได้ เราไม่ได้ตายไปไหน ขอเพียงแค่เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองอย่างมีความสุขแค่นั้นแหละ ชีวิตมันไม่ได้ซับซ้อนเลย 🙂
บ่อน้ำสีฟ้า (Blue Pond)
หลังจากเสร็จจากพวกต้นไม้เซเลปกันแล้ว เราจะขับรถมายังโซน ชิโรกาเนะ ออนเซน (Shirogane Onsen) ที่มี่ บ่อน้ำสีฟ้า (Blue Pond) และ น้ำตกชิราฮิเกะ (Shirahige Waterfall) ตั้งอยู่ เมื่อเราขับรถมายังที่จอดรถของบ่อน้ำสีฟ้า (Blue Pond) แล้ว เราจะต้องเดินเข้ามาอีกประมาณ 400 เมตรเลยล่ะ หนาวมากแกร๊ ยังดีที่ทางเดินยังสภาพโอเค หิมะที่กองอยู่ที่พื้นไม่หนามาก
หลังจากเดินมาพักใหญ่ เราก็เจอกับบ่อน้ำสีฟ้า (Blue Pond) อยู่ตรงหน้า ..
น้ำมันไม่เห็นสีฟ้าเลยว่ะ แกร๊ .. เราว่ามันอาจจะเพราะหิมะตกหนักมากจนคลุมน้ำทั้งหมดหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่รู้แหะ
บ่อน้ำสีฟ้า หรือ Blue Pond อันนี้สร้างด้วยฝีมือคนนะ เริ่มสร้างเมื่อปี 1988 หลังจากการระเบิดของภูเขาไฟโทคาชิ (Mount Tokachi) เพื่อกันการไหลของลาวาเข้าเมืองบิเอะล่ะ ทีนี้สีของน้ำที่เป็นสีฟ้า (หารูปได้จากในเน็ตพรึ่มม) เกิดจากการสะท้อนของสารอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์นั่นแล และปีที่แล้วในเดือนสิงหาคม เกิดพายุไต้ฝุ่น Mindulle ขึ้น ทำให้ระดับน้ำของที่นี่ลดลง รวมถึงสีของน้ำของบ่อนี้กลายเป็นสีน้ำตาลโคลนจากแม่น้ำบิเอะ ซึ่งอันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเราเห็นแต่หิมะสีขาวโพลนคลุมบ่อ ฮืออออ เสียใจ
น้ำตกชิราฮิเกะ (Shirahige Waterfall)
หลังจากขับรถชมเมืองบิเอะ (Biei) มาทั้งวันแล้ว เหลือ น้ำตกชิราฮิเกะ (Shirahige Waterfall) เป็นที่สุดท้าย คือเอาจริง เราไม่ค่อยได้คาดหวังอะไรมากเท่าไหร่ เนื่องจากเฟลมากจากบ่อน้ำสีฟ้า (Blue Pond) มาแล้ว แต่แล้ว.. เมื่อเปิดประตูรถลงมาแล้วเดินไปที่สะพานที่ทอดอยู่ข้างหน้าแล้ว .. แม่มเอ้ยยยยยยยยยย โคตรสวยเลย!
น้ำตกชิราฮิเกะ (Shirahige Waterfall) นั้นมีขนาดความสูงประมาณ 30 เมตร น้ำที่ตกลงจะด้านบนจะไหลลงตามแนวหินแตกระแหงคล้ายเหมือนหนวด (ลองดูรูปดิ) คนเค้าเลยตั้งชื่อน้ำตกนี้ว่า “ชิราฮิเกะ” แปลภาษาไทยได้ว่า “หนวดสีขาว”
เมื่อเรามองไปด้านขวาจากสะพานที่เราเดินเข้ามา จะเจอน้ำตกกลางหิมะที่แบบ โคตรสวยเลย
น้ำที่เหมือนใกล้จะแข็งไหลลงกระทบลำธารด้านล่าง ภาพเบื้องหน้าแม่งเกินบรรยายจริงๆ
เมื่อดูวิวทางด้านขวาเสร็จ เดินมาอีกฝั่งเพื่อดูวิวทิวทัศน์ด้านซ้ายกันบ้าง..
เชดโด้วววว อันนี้คือสะพรึง ภาพลำธารสีน้ำเงินเข้มตัดกับป่าไม้ที่คลุมไปด้วยหิมะ คือโคตรพีคเลย
สุดท้าย ผมว่าที่นี่น่ะคือสถานที่ที่สวยที่สุดในเมืองบิเอะแล้ว
ที่พักในอาซาฮิกาว่า (Asahikawa) + บิเอะ (Biei)
การมาเที่ยวอาซาฮิกาว่า (Asahikawa) และบิเอะ (Biei) นั้น คือใช้เวลาเที่ยวทั้งหมด 3 วัน 2 คืน ด้วยความที่อยากพักแบบหลากหลายหน่อย เราเลยเลือกพักสองคืน สองที่ไปเลย ทั้งสองโรงแรมนี้จะอยู่ในเมืองอาซาฮิกาว่าทั้งหมด เพราะว่าเราสามารถขับรถไปเที่ยวเมืองบิเอะได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องค้างที่นั้น อีกทั้งหากเราพักในเมืองอาซาฮิกาว่า เราสามารถนั่งรถไฟไปยังเมืองอื่นได้ง่ายกว่าด้วย ไม่ว่าจะเป็นซัปโปโร (Sapporo) หรือจะไปเมืองต่อไปตามแพลนที่วางไว้คือ อะบาชิริ (Abashiri)
โรงแรมในเมืองอาซาฮิกาว่า (Asahikawa) ที่ได้พักทั้งสองโรงแรมคือ JR Inn Asahikawa และ Fujita Kanko Washington Hotel Asahikawa มาดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละโรงแรมดีหรือไม่ดียังไงบ้าง
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2023
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลกหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡
> ส่วนลด Agoda.com (อโกด้า)> ส่วนลด Booking.com (บุคกิ้ง)> ส่วนลด Expedia (เอ็กซ์พีเดีย)> ส่วนลด Klook (คลุก)> ส่วนลด KKday ( เคเคเดย์)
JR Inn Asahikawa
จุดเด่น: โรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองอาซาฮิกาว่า อยู่บนห้าง เชื่อมกับสถานีรถไฟ JR Asahikawa
ราคาที่ผมได้: ห้อง Economy Twin Room : 4,709 บาท/คืน
ช่วงราคาห้องพัก: 2,000-6,500 บาท/คืน (อันนี้เป็นแค่ราคาคร่าวๆ ราคาจริงจะขึ้นลงแล้วแต่ช่วงเวลา)
ดูผ่าน Expedia.co.th // ดูผ่าน Booking.com // ดูผ่าน agoda.com //
ดูผ่าน Hotels.com // ดูผ่าน Trip.com
หากใครมาเที่ยวเมืองฮาซาฮิกาวะ แล้วอยากได้โรงแรมที่ดีที่สุด โลเคชั่นไปไหนมาไหนได้สะดวก ห้องดี อาหารเช้าอร่อย คือไม่ต้องไปเลือกที่ไหนแล้วจ้า เลือก JR Inn Asahikawa เลย อย่าได้รีรอ เพราะว่าที่บอกมาทั้งหมดก่อนหน้านี้นั้น ที่นี่คือเริ่ดสุดกว่าโรงแรมทั้งหมดในเมืองนี้เลย เพราะว่า..
โรงแรมอยู่บนห้าง Aeon Mall ที่เราสามารถชอปปิ้ง ซื้อของฝาก หรือแม้แต่กินข้าวฝากท้องไว้กับร้านอาหารที่นี่ได้ อีกทั้ง Aeon Mall นี้ยังเชื่อมกับสถานีรถไฟ JR อีก ดังนั้น ไม่ต้องตากแดด ตากฝน ไถลหิมะแต่อย่างใด
ห้องพักที่ JR Inn Asahikawa ที่ผมนอนนั้นคือห้องแบบ Economy Twin Room ขนาดห้องประมาณ 17 ตารางเมตร ของใช้โดยรวมคือเหมือนโรงแรมญี่ปุ่นทั่วไป ฟีลลิ่งอาจจะดีกว่าที่อื่นบ้าง แต่ที่เด็ดคือที่นี่มี Lounge หรือห้องนั่งเล่นที่มีหนังสือให้อ่าน คอมให้เล่น และชากาแฟให้ดื่ม แล้วห้องนั่งเล่นที่นี่คือเหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนหลังจากแช่น้ำร้อน Public Bath เสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นเอง ดีงามมาก
สำหรับบุฟเฟต์อาหารเช้า ที่นี่ถือว่าดีเช่นกัน ห้องอาหารจะอยู่ชั้นสาม เหมือนเป็นร้านอาหารที่เปลี่ยนกลายเป็นห้องอาหารสำหรับลูกค้าโรงแรมชั่วคราวก่อนห้างเปิด
อาหารมีให้เลือกหลากหลาย แต่ที่ดีสุดคือข้าวหน้าหมู ที่เราสามารถตักหมูได้ตามใจชอบ และบอกเลยว่าหมูอร่อยมากกกก!
Fujita Kanko Washington Hotel Asahikawa
จุดเด่น:อาหารเช้าโอเคในราคาห้องที่คุ้มค่า จากประสบการณ์ คนไทยพักที่นี่เยอะ
ราคาที่ผมได้: ห้อง Studio Twin Room : 1,661 บาท/คืน
ช่วงราคาห้องพัก: 1,400-2,500 บาท/คืน
ดูผ่าน Expedia.co.th // ดูผ่าน Booking.com // ดูผ่าน agoda.com //
ดูผ่าน Hotels.com // ดูผ่าน Trip.com
โรงแรม Fujita Kanko Washington Hotel Asahikawa จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ JR Inn Asahikawa โรงแรมด้านบนเลย นั่นหมายความว่าอยู่ใกล้สถานีรถไฟ JR เช่นเดียวกัน เรื่องความดูดี ความสะดวกสบาย สิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างแตกต่าง เพราะที่นี่มันถูกกว่าไงแกร๊ อีกอย่างตอนที่เราไปพักคือ คนไทยเยอะมว๊ากกกก
แต่.. เดี๋ยวก่อน.. คือนี่จะบอกว่า บางทีเราเจอดีล JR Inn Asahikawa บางวันราคาดิ่งลงเท่ากับที่ Fujita Kanko Washington Hotel Asahikawa ก็เยอะ ดังนั้น เช็คดีลดีๆ Expedia บางทีชอบปล่อยดีลลับแบบไม่ทันตั้งตัว ฮ่า สำหรับห้องพักที่นี่ผมพักแบบ Studio Twin ค่อนข้างจะเล็กเลยแหละ คือห้องค่อนข้างเรียบง่ายมาก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบเหมือนทุกที่นะ แต่มันเรียบๆง่ายๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษแค่นั้นเอง
ที่น่าเซอร์ไพรส์คืออาหารเช้าบุฟเฟต์ที่นี่ ไม่เรียบเหมือนห้องพักนาจา .. ตัวเลือกอาหารค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว เรื่องรสชาติ เรากลับเฉยๆ อย่างเช่นปลาแซลมอนย่าง .. มันค่อนที่จะจืดชืดอ่ะ แต่ไก่ทอดอร่อยดีนะเว้ย
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
21 comments
ภาพถ่ายสวยมาก จนต้องจัดทริปเที่ยวตามรอยเลยค่ะ
รบกวนสอบถามเรื่องขับรถเที่ยวบิเอะหน้าหนาว
ระหว่างทางที่ขับรถ ถ้าเราอยากจอดถ่ายรูปตามจุดต่างๆ เช่น ต้นไม้เซเลป จะมีที่จอดรถไหมคะ หาที่จอดลำบากไหม หรือสามารจอดข้างทางได้
ทุกจุดมีที่จอดรถครับ สบายหายห่วง 🙂
ไม่ทราบช่วงที่ไป นี่เดือนอะไรคะ, plan จะไปปลาย Dec, Biei จะสวยแบบนี้ไม๊
ผมไปช่วงเดือนกุมภาพันธ์คร้าบ 😀
ไปช่วงวันที่เท่าไรหรอครับ พอดีผมมีแพลนไปช่วง 17 – 26 ก.พ. จะเจอหิมะแบบในรูปไหมครับ ขอบคุณครับ
แอดมิน เช่ารถจาก Asahikawa หรือ เช่า Biei ครับ พอดีอ่านแล้ว งงๆ นิดหน่อยครับ พอดีผมจะไป วันที่ 8 ก.พ.61 นี้อ่ะครับ
เช่าจาก Asahikawa ครับ
พอจะแนะนำที่พักแถว Asahikawa ที่เป็นเรียวกังมีออนเซ็นวิวสวยๆ แนะนำมั้ยครับ
อยากรู้ว่าค่าใช้จ่ายตกคนละเท่าไหร่ค่ะไปแบบนี้
ขอสอบถามเรื่องเช่ารถหน่อยค่ะ ค่าเช่านี่เฉพาะตัวรถใช่มั้ยคะ ค่าน้ำมันอีกประมานเท่าไหร่หรอคะ? แล้วเอาจริงๆขับยากมั้ยคะ ต้องระวังเรื่องถนนลื่นมากรึเปล่า? เพราะไม่เคยขับรถแบบมีหิมะมาก่อนเลยค่ะ
ค่่าน้ำมัน จำตัวเลขไม่ค่อยได้ครับ เรื่องถนนลื่นแนะนำให้ย้ำกับร้านเช่ารถว่าล้อรถมันเป็น Snow Tire ส่วนเรื่องถนนลื่นนั้น มันมีนลื่นบ้างครับผม แนะนำให้ขับช้าๆครับผม ตอนนั้นผมขับเอื่อยๆ 50-60 กม/ชม เองคร้าบ
ถ้าจาก asahikawa ไป biei เราไม่เช่ารถขับสามารถไปได้ไหมครับ
มีรถไฟไปบิเอะครับ แล้วนั่งรถเมลครับผม ทีนี้รอบเวลารถเมล์อันนี้ต้องหาครับ นานๆมาทีคร้าบ
ภาพสวยมากครับ สอบถามหน่อยนะครับ ผมจะนั่ง JR จาก ซัปโปโร ไป Asahikawa แล้วเช่ารถไปตามเส้นทางแอดมิน คืนรถแล้วกลับซัปโปโร ภายในวันเดียว ทันไม๊ครับ แอดใช้เวลาจากเช่ารถ กี่โมง คืนรถตอนกี่โมงครับผม จะไปปลาย กพ.2562 น่ะครับ
ทันครับ ผมเช่าตอนสายแก่ๆแล้วครับผม บิเอะตามรีวิวนี้ใช้เวลาเที่ยวไม่นานคร้าบ 🙂
จาก Biei ตรงยาวมา Sapporo โดยผ่านเส้น Furano มาเลย (ไม่ผ่าน Asahikawa) มี JR ไปมั้ยคะ เส้นไหนใกล้กว่าหรือสะดวกกว่าคะ ^^
ถ่ายรูปสวยมากค่ะ ชื่นชมและติดตามผลงานต่อค่ะ
ขอบคุณนะครับ 😀
Hi there, สวัสดีคะ and thanks for sharing the beautiful pictures and travel experience from Asahikawa. I was searching for info of the city in Thai and came across to your page. I was touched by this sentences…”ต้นคริสต์มาสที่เราเห็นตั้งโดดเด่นต้นเดียวอยู่ด้านหน้า พอเห็นแล้วโคตรรู้สึกเหงามาก มากจริงๆ คือแบบ.. มึงต้องสตรองขนาดไหนถึงสามารถยืนต้นคนเดียวท่ามกลางอากาศหนาวติดลบได้ขนาดนี้”. It was such a very beautiful reflection. It shown your sensitivity, kindness and compassion toward other beings. Wishing you well and good luck on your journey, regardless destinations.
Content ดีและครบ
ใช้เดินทางได้จริง
ถ่ายรูปสวยมาก
….ขอบคุณครับ
ขอบคุณนะครับ 😀 😀