teamLab Planets TOKYO นิทรรศการศิลปะในรูปแบบ Immersive Art โดย teamLab ที่ฉีกแนวออกมาด้วยคอนเซ็ปต์อย่าง Body Immersive ที่เราจะได้ด่ำดิ่งและผสมผสานตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชิ้นงานศิลปะที่จัดแสดงอยู่ภายใน ซึ่งความสนุกของการเดินเที่ยวชมใน teamLab Planets TOKYO นั้นคือการได้ประสบการณ์ตรงนี้นั่นแหละ โดยเค้ามีห้องจัดแสดงทั้งแบบบนน้ำ อย่าง Drawing on the Water Surface Created by the Dance of Koi and People – Infinity ที่เราจะได้เดินส่องฝูงปลาคราฟในห้องที่เต็มไปด้วยน้ำที่สูงเกือบเท่าหน้าขาแบบที่ว่าได้เดินขาเปียกกันจริงๆ หรือจะเป็น Soft Black Hole – Your Body Becomes a Space that Influences Another Body พื้นที่นุ่มๆ ขนาดใหญ่ที่เราจะได้ก้าวเท้าและจมลงลึกลงไปตามขนาดของน้ำหนักตัว ซึ่งนี่เป็นห้องที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เราได้ตระหนักถึงมวลร่างกายของตัวเอง เนื่องจากปัจจุบันนี้เราอาศัยอยู่ในพื้นที่ราบเรียบมากจนอาจสูญเสียและหลงลืมความรู้สึกของร่างกายไปแล้วนั่นเอง
ก๊อตบอกเลยว่าแต่ละโซนนั้นจัดเต็มทั้งแสงไฟ และเสียงเพลงกันแบบสุดๆ ซึ่งทั้งหมดที่ก๊อตเกริ่นมานั้นมันช่วยให้สีสันของการดูนิทรรศการผลงานศิลปะของเราไม่จืดชืด แถมคนดูยังรู้สึกสนุกร่วมไปด้วยตลอดเวลา จนก๊อตขออวยยศยกให้เค้าเป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่ต้องมาเมื่อมาเที่ยวโตเกียว (Tokyo) เลยจริงๆ
- รีวิวเต็ม โตเกียว (Tokyo) 28 ที่เที่ยว
- รีวิวเต็ม Tokyo Disneyland แบบละเอียด
- รีวิวเต็ม Tokyo Disneysea แบบละเอียด
- รีวิวเต็ม Harry Potter – Warner Bros. Studio Tour Tokyo แบบละเอียด
- โรงแรมและที่พักแนะนำในโตเกียว (Tokyo)
- ส่วนลด Klook / ส่วนลด Agoda
รู้จักกับ teamLab Planets TOKYO
teamLab Planets TOKYO พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่ผสมผสานศิลปะดิจิทัลและความงามของธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน โดยทาง teamLab ได้เปิดตัว teamLab Planets TOKYO ในย่านโทโยสุ (Toyosu) เขตโคโต (Koto) ของโตเกียว (Tokyo) เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2018 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Body Immersive หรือการนำร่างกายของเราเข้าไปคลุกคลีอยู่กับผลงานศิลปะ ซึ่งทาง teamLab เค้าต้องการให้คนดูได้เข้ามาเปิดประสบการณ์ชมผลงานศิลปะผ่านการมองเห็นด้วยตา สัมผัสด้วยร่างกาย และได้ยินเสียงผ่านหู ที่ไวบ์ทั้งหมดนี้จะทำให้คนดูรู้สึกว่าตัวเองได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นงานที่จัดแสดงอยู่นั่นเอง
ภายใน teamLab Planets TOKYO มีการจัดแสดงผลงานทั้งหมดผ่าน 3 โซนหลัก เริ่มจากในโซน Water Area ที่จัดแสดงผลงานเอาไว้ถึง 7 ชิ้น ได้แก่ Drawing on the Water Surface Created by the Dance of Koi and People – Infinity, The Infinite Crystal Universe, Floating in the Falling Universe of Flowers, Expanding Three-dimensional Existence in Transforming Space – Flattening 3 Colors and 9 Blurred Colors, Ephemeral Solidified Light, Waterfall of Light Particles at the Top of an Incline และ Soft Black Hole – Your Body Becomes a Space that Influences Another Body
และอีกโซนคือ Garden คือ Floating Flower Garden: Flowers and I are of the Same Root และ the Garden and I are One, Moss Garden of Resonating Microcosms – Solidified Light Color, Dusk to Dawn ปิดท้ายด้วยโซน Public Area อย่าง Universe of Fire Particles Falling from the Sky และ One Stroke Bench ซึ่งการจะเข้าไปดูผลงานที่จัดแสดงอยู่ภายในนั้น เราจะต้องถอดรองเท้าและฝากสัมภาระทั้งหมดเอาไว้ในล็อกเกอร์ก่อนด้วยนะ ซึ่งเค้าจะมีจัดเตรียมไว้ให้ทั้งหมด ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้เลย ดังนั้นตลอดรูทการเดินเที่ยวชมผลงานศิลปะที่นี่ เราจะต้องเดินเท้าเปล่ากันเด้อ
โดยในปัจจุบันนี้ teamLab Planets TOKYO ถือเป็นหนึ่งในนิทรรศการที่มีคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยว รวมถึงเหล่าเซเลปคนดังระดับโลกตบเท้าเข้ามาชมภายในกันไม่ขาดสาย เรียกได้ว่า teamLab Planets TOKYO เป็นแลนด์มาร์คสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองที่ใครมาเที่ยวโตเกียวห้ามพลาด แต่ทั้งหมดที่ก๊อตว่ามานี้เราจะต้องรีบมากันหน่อยนา เพราะ teamLab Planets TOKYO เค้าไม่ใช่นิทรรศการถาวร ซึ่งมันจะหมดลงในปี ค.ศ. 2027 นา ดังนั้นรีบมาด่วนน
ซื้อบัตรเข้า teamLab Planets TOKYO
สำหรับใครที่อยากมาเดินดูผลงานศิลปะกันที่ teamLab Planets TOKYO และไม่อยากเสียเวลาไปต่อคิวซื้อบัตรที่หน้างาน ที่บางทีบัตรเค้าขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่ออนไลน์ หรือถ้ายังมีบัตรเหลือก็อาจจะจะต้องเผื่อเวลารอคิวซื้อบัตรค่อนข้างนานอยู่ เพราะก๊อตต้องบอกก่อนว่า teamLab Planets TOKYO ถือเป็นหนึ่งที่เที่ยวฮิตมากที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียวเลยก็ว่าได้ และที่เราต้องรู้เลยก็คือ teamLab Planets TOKYO เปิดให้เราเข้าเป็นสล็อตเวลา ไม่สามารถเดินเข้าตามอำเภอใจแบบเวลาไหนก็ได้ ดังนั้น เวลาที่พีคๆ นั้น บัตรจะขายหมดค่อนข้างเร็ว ก๊อตเลยอยากแนะนำให้ทุกคนซื้อบัตรเข้าชมล่วงหน้าผ่านทาง Klook หรือ KKday มาก่อนเลย โดยราคาบัตร teamLab Planets TOKYO จะอยู่ที่ประมาณ 3,800 เยน (~916 บาท) ซึ่งข้อดีของการซื้อบัตรมาก่อนนั้น คือเราจะได้ในราคาที่ถูกกว่าซื้อหน้างาน และสามารถเข้าคิวตามสล็อตเวลาหน้างานได้เลย ซึ่งถือว่าสะดวกสบายที่สุดแล้ว
⚡️ เตรียมตัวก่อนไป teamLab Planets TOKYO
- แนะนำให้แต่งตัวด้วยขาสั้น เนื่องจากการเดินชมผลงานภายใน teamLab Planets TOKYO นั้น ก่อนเข้าไปเค้าจะให้เราถอดรองเท้าและฝากสัมภาระต่างๆ ไว้ที่ล็อกเกอร์ อีกทั้งด้านในเค้ามีโซนจัดแสดงในน้ำ ที่ใครตัวเล็กๆ หน่อยน้ำนี่สูงเกือบเข่ากันเลยทีเดียว ดังนั้น หากเราใส่ขาสั้น หรือสวมเสื้อผ้าที่ดึงขึ้นมาเหนือเข่าได้ง่ายๆ นั้น จะง่ายต่อการเดินชม
- สำหรับสาวๆ ที่ใส่กระโปรงมา ก๊อตแนะนำให้ใส่ซับในหรือกางเกงขาสั้นมาด้วย เนื่องจากในหลายๆ โซนเค้าเป็นห้องกระจกแบบรอบทิศทาง เลยอาจจะดูไม่เซฟสำหรับคนที่สวมกระโปรงมา แต่ถ้าใครลืมจริงๆ สามารถไปขอยืมขาสั้นได้ที่ teamLab Planets TOKYO ได้นา เค้ามีให้บริการยืมฟรี
วิธีการเดินทางมาที่ teamLab Planets TOKYO
รถไฟ: วิธีที่สะดวกที่สุดในการมาที่นี่คือรถไฟ โดยสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้กับ teamLab Planets TOKYO มากที่สุดคือ สถานีชิน โทโยซุ (Shin-Toyosu) ซึ่งสามารถเดินทางมาตามนี้ได้เลย
- โดยรถไฟใต้ดิน (TOKYO Metro):
- สถานีชินโทโยซุ (Shin-Toyosu): ให้ขึ้นรถไฟสายยูริคาโมเมะ (Yurikamome Line) มาลงที่สถานีชินโทโยซุ (Shin-Toyosu) จากนั้นเดินประมาณ 1 นาทีก็จะถึง teamLab Planets TOKYO
บัตรเดินทางต่างๆ ในโตเกียว
- 🎫 บัตรโดยสารรถไฟใต้ดินโตเกียวแบบไม่จำกัด (1, 2 หรือ 3 วัน) [ซื้อผ่าน Klook] / [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 บัตร Welcome Suica และบัตรโดยสารรถไฟ JR สำหรับ 1 วัน [ซื้อผ่าน Klook] / [ซื้อผ่าน KKday]
- 🎫 JR Tokyo Wide Pass : ใช้ขึ้นสายรถไฟ JR สำหรับเที่ยวเมืองยอดนิยมต่างๆ รอบโตเกียว โดยมีเมืองฮิตอย่าง คาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) ที่มีภูเขาไฟฟูจิ, นิกโก้ (Nikko), โยโกฮาม่า (Yokohama), คาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsula) / มีแบบ 3 วัน ราคาเริ่มต้นราวๆ ~3,600 บาท [ซื้อผ่าน Klook]
มาเริ่มเที่ยว teamLab Planets TOKYO ด้วยกันเล้ยย
อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ การเข้าไปเที่ยวใน teamLab Planets TOKYO นั้นเราจะต้องมาตามสล็อตเวลาที่เราจองมานะ ซึ่งก๊อตแนะนำให้เรามารอล่วงหน้า เพราะถ้าเลทแล้วเลยว่าที่เราจะเข้าไปนั้น บัตรเสียแล้วเสียเลยนะเอ้อ ซึ่งพอเรามาถึงด้านหน้าของ teamLab Planets TOKYO เค้าจะมีช่องให้ต่อแถวเพื่อเข้าไปด้านใน โดยจะมีป้ายบอกรอบเวลาโชว์เอาไว้ เพื่อให้คนที่จองมาในช่วงเวลานั้นๆ เดินเข้าไปนั่นเอง
ส่วนใครที่มาทันเวลาและอยากเดินตัวปลิวสบายๆ ตอนที่เค้าให้เราเอาสัมภาระไปเก็บไว้ในล็อกเกอร์ให้เอาของที่ไม่จำเป็นใส่ไปให้หมดเลย อาจจะเหลือแค่กล้องกับโทรศัพท์ติดตัวไปเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว โดยรูทการเดินเที่ยวชมผลงานศิลปะภายใน teamLab Planets TOKYO เค้าจะแบ่งยิบย่อยออกเป็นห้องใครห้องมันให้เราได้เดินดูไปเรื่อยๆ อย่างเช่น Soft Black Hole – Your Body Becomes a Space that Influences Another Body ห้องที่เราจะได้เดินเข้าไปในหลุมดำ ที่ทุกย่างก้าวในนั้นเสมือนว่าเราได้เดินย่ำลงไปบนพื้นหลุมที่ลดหลั่นกัน หรือจะเป็น Ephemeral Solidified Light ที่ภายในเต็มไปด้วยมวลแสงหลากสีมากมายที่ไหลวนเวียนอยู่ในอากาศ และอีกอันที่คูลมากอย่าง Waterfall of Light Particles at the Top of an Incline น้ำตกแห่งแสงที่เหมือนเป็นทางที่พาเราเข้าไปยังโซนอื่นอีกมากมาย ด้วยทางเดินจากปลายน้ำสู่ตัวน้ำตกขนาดใหญ่ที่เค้าจำลองมาจากน้ำตกจริงๆ ในธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีห้องอื่นๆ อีกเพียบ ซึ่งก๊อตจะพาทุกคนไปส่องกันตามด้านล่างนี้เลย
The Infinite Crystal Universe
The Infinite Crystal Universe ห้องขนาดใหญ่ที่ภายในอัดแน่นไปด้วยผลงานประติมากรรมแสงแบบอินเทอร์แอคทีฟ ลักษณะเป็นแท่งไฟห้อยระโยงระยางจากเพดานลงมาหาหลายพันเส้น พร้อมทั้งเล่นแสงสีต่างๆ สลับกันไปเรื่อยๆ ประสานกับเสียงเพลง ระยิบระยับพร่างพราวเหมือนก๊อตเดินอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวของจักรวาลตามชื่อผลงานเค้าเลยทีเดียวเชียว โดยทางเดินของเค้าจะเป็นเส้นทางเล็กๆ ที่แหวกไปตามม่านของแท่งไฟ ให้เราได้ค่อยๆ เดินลัดเลาะชมความสวยงามของผลงาน ซึ่งบอกเลยว่าโคตรสวย
ความพิเศษของ The Infinite Crystal Universe นอกจากม่านไฟสวยๆ ที่เราเห็นกันแล้ว แสงสีต่างๆ ที่เราเห็นกันอยู่นี้ เค้าจะเปลี่ยนสีไปตามจังหวะของเสียงเพลงที่เปิดคลอเคลีย และการก้าวเดินของผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมชมด้วย ดังนั้น แสง สี ที่เห็นในแต่ละรอบที่เข้าชมเรียกได้ว่าไม่มีทางซ้ำกันเลยทีเดียว ส่วนใครที่อยากลองปรับเปลี่ยนสีของแท่งด้วยตนเองนั้น ให้ลองใช้แอพพลิเคชั่นของทาง teamLab Planets TOKYO ได้เลย เค้าจะมีให้เราเลือกปรับแสงและจุดที่ต้องการให้เกิดประกายวิบวับได้ด้วยตนเองอีกด้วย ซึ่งการที่คนดูได้เข้ามามีส่วนร่วมในชิ้นงานแบบนี้ มันจะทำให้คนดูรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นงานนั่นเอง
โดยรวมแล้วก๊อตชอบ The Infinite Crystal Universe เค้านะ ด้วยความที่ทั้งห้องของเค้ารายล้อมไปด้วยกระจกเงาทั้งหมด มันเลยเหมือนเราได้หลุดเข้าไปในจักวาลของคริสตัลอันไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนชื่อห้อง เป็นห้องที่ทำออกมาได้ดีและชวนให้ก๊อตตื่นเต้นตามไปด้วย และถ้าใครที่คิดจะถ่ายรูปสวยๆ ล่ะก็ เราอาจจะถ่ายรูปยากซักหน่อย ด้วยความที่ห้องนี้เป็นห้องฮิตที่คนเยอะแบบมหาศาลมาก อีกทั้งยังมีกระจกมันจะสะท้อนเงาของคนที่เดินมาอยู่ใกล้ๆ และแสงไฟก็วิบวับผ่านไปผ่านมา เราเลยอาจจะต้องหลบมุมและหาจังหวะแสงไฟถ่ายรูปกันซักนิดนึงเด้อ ดังนั้น อดทนกันหน่อยนึงนาจา
Drawing on the Water Surface Created by the Dance of Koi and People – Infinity
อีกหนึ่งห้องจัดแสดงที่ก๊อตว้าวมากคือ Drawing on the Water Surface Created by the Dance of Koi and People – Infinity ห้องที่เราจะได้เดินเข้าไปภายในห้องจัดแสดงที่มีน้ำสูงอยู่ระดับประมาณครึ่งหน้าแข้ง โดยทั่วทั้งห้องนั้นเต็มไปด้วยปลาคราฟจากโปรเจคเตอร์ที่ถูกยิงลงมาบนน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนทั้งห้องนี้คือบ่อปลาคราฟขนาดใหญ่เลยก็ว่าได้
บรรยากาศภายในห้องเค้าก็จะปล่อยให้เราเดินลุยน้ำไปกับน้องๆ ปลาคราฟที่แหวกว่ายหลบหลีกเราเหมือนก๊อตกำลังเดินลุยบ่อปลาคราฟจริงๆ แต่ในจังหวะที่เค้าว่ายหนีไม่ทัน แล้วชนเข้ากับตัวเราแบบจังๆ ปลาคราฟหลากสีพวกนี้ก็จะกลายเป็นดอกไม้ก่อนจะปรับเปลี่ยนไปเป็นเส้นสีไหลวนไปตามผิวน้ำ ซึ่งดอกไม้ที่ปรากฏขึ้นมายังปรับเปลี่ยนไปตามแต่ละฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็น ช่วงฤดูร้อน (Summer), ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn), ฤดูหนาว (Winter) และ ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) อีกด้วย
โดยผลงานแสง สี รวมไปถึงเหล่าปลาคราฟและดอกไม้ที่เห็นนี้ ทาง teamLab เค้าไม่ได้มีการเซตเอาไว้ก่อนนา แต่จะเป็นการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่แสดงผลแบบเรียลไทม์เข้ามาช่วย ทำให้ ณ ช่วงเวลานั้นที่เรากำลังก้าวเดินอยู่ บรรยากาศทุกอย่างที่เรากำลังสัมผัสจะไม่มีทางเกิดขึ้นซ้ำกับคนดูคนอื่นๆ อย่างแน่นอน คือ ภาพ แสง สี เสียงของเค้าก็จะรันโชว์ใหม่ไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับผู้คนที่เข้ามาเดินอยู่ภายใน ฝูงปลามากมาย และหมู่มวลของดอกไม้ก็จะพร่างพราวโชว์ความน่ารักกับแบบไม่มีที่สิ้นสุดนั่นเอง
Expanding Three-dimensional Existence in Transforming Space – Flattening 3 Colors and 9 Blurred Colors
ห้องที่เหมือนปลุกความเป็นเด็กในตัวเรามากๆ สำหรับ teamLab Planets TOKYO ก๊อตขอยกให้ Expanding Three-dimensional Existence in Transforming Space – Flattening 3 Colors and 9 Blurred Colors เค้าเลย โดยทั่วทั่งห้องนั้นเต็มไปด้วยลูกบอลเรืองแสงขนาดใหญ่ที่อัดแน่นเข้ามาจนทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่เขาวงกต ท่ามกลางเสียงดนตรีที่เปิดร่วมด้วย โดยความสนุกมันอยู่ที่เราสามารถแตะลูกบอลเบาๆ เพื่อเคลื่อนย้ายให้เจ้าบอลมันพ้นทางเราและก้าวเดินไปต่อได้ ซึ่งทุกครั้งที่มือก๊อตสัมผัสไปบนผิวของลูกบอลก็จะเกิดแสงสีต่างๆ ออกมา ซึ่งเค้าไม่ได้เกิดเฉพาะลูกที่เราแตะเท่านั้นนา แต่ลูกบอลที่อยู่ติดกันหรือใกล้เคียงก็จะเปลี่ยนสีตามลูกบอลสีแรกที่เราสัมผัสราวกับเค้าตอบสนองซึ่งกันและกันเลย
โดยแสงที่เห็นอยู่นี่เค้ามีถึง 12 โทนสี ซึ่งจะแบ่งเป็นสีเบลอถึง 9 สี ได้แก่แสงในน้ำ, แสงแดดบนต้นไม้น้ำ, แสงยามเช้า, ท้องฟ้ายามเช้า, ท้องฟ้ายามพลบค่ำ, สีพีช, สีพลัม, ไอริส และต้นเมเปิลในฤดูใบไม้ผลิ และอีก 3 สีที่เหลือจะเป็นสีปกติอย่าง น้ำเงิน, แดง และเขียว ซึ่งตรงนี้ใครจะได้เห็นสีไหนบ้างก็สุดแล้วแต่การสัมผัสและฝีมือในการผลักลูกบอลของแต่ละคนเลยเด้อ
Expanding Three-dimensional Existence in Transforming Space – Flattening 3 Colors and 9 Blurred Colors จึงเป็นอีกห้องที่เดินเล่นได้เพลินและสนุกมาก ลูกบอลเค้าไม่ได้มีอยู่แค่ที่พื้นเท่านั้น แต่นี่เล่นใหญ่อยู่ทุกซอกทุกมุมจนถึงเพดานของห้อง เหมือนก๊อตถูกย่อส่วนแล้วหลุดเข้ามาในบ่อบอลยักษ์เลยแหละ ยิ่งจังหวะที่ต้องผลักบอลแล้วเค้ากลิ้งไปชนกับบอลลูกอื่นๆ เกิดเป็นสีใหม่ๆ ขึ้นมา มันเป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้นเหมือนได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเลย
Floating in the Falling Universe of Flowers
Floating in the Falling Universe of Flowers ห้องที่เราสามารถมานอนดูดอกไม้ลอยฟ้าภายในโดมยักษ์ครึ่งวงกลมที่เสมือนเราหลุดเข้าไปในหมู่มวลของดอกไม้นานาพันธุ์ที่เค้าล่องลอยไปมาอยู่รอบตัวเรา ความดีงามของห้องนี้ คือเค้าไม่ได้เซตดอกไม้แล้วมายิงวนซ้ำไปมาให้ได้ดูกันนะ แต่จะเป็นการใช้โปรแกรมแบบเรียลไทม์เหมือนในห้องอื่นๆ ก่อนหน้านี้ ดังนั้น ทุกคนจึงมั่นใจได้เลยว่าดอกไม้ที่ลอยข้ามหัวผ่านตัวเราไปอยู่นี้ เค้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและเป็นจักรวาลที่ไม่ซ้ำกับใครแน่นอน
ถ้าคิดว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ เลี้ยงกาแฟก๊อตซักแก้วได้นะครับ 😆💙
จะได้มีแรงใจทำรีวิวออกมาให้ทุกคนได้อ่านเรื่อยๆ ครับ
ซึ่งการจะชมความงามของดอกไม้ในห้อง Floating in the Falling Universe of Flowers ก๊อตแนะนำให้นอนราบลงไปกับพื้นแล้วนอนมองดูเพดานที่เต็มไปด้วยดอกไม้กันได้เลย อันนี้ไม่จ้อจี้ เพราะคนญี่ปุ่นที่เข้ามารอบเดียวกับก๊อตพอมาถึงห้องนี้ปุ๊บ แทบทุกคนคือทิ้งตัวลงพื้นนอนมองดอกไม้กันชิลโคตรๆ โดยภาพของดอกไม้ต่างๆ นั้น จะเริ่มฉายให้เห็นกันตั้งแต่ตอนดอกไม้กำลังเติบโต แตกหน่อ และเบ่งบาน ก่อนในช่วงท้ายกลีบดอกไม้จะร่วงหล่น เหี่ยวเฉาและตายไป เป็นเหมือนวงจรชีวิตให้เราได้มาเห็นถึงการเกิดไปจนถึงการตายแบบไม่มีที่สิ้นสุด
ส่วนตัวก๊อตแล้ว ห้อง Floating in the Falling Universe of Flowers ให้ความรู้สึกเดียวกับตอนที่เคยนอนมองดาวในหอดูดาว ที่เปลี่ยนจากดวงดาวมากมายมาเป็นสารพัดดอกไม้สุดน่ารัก ที่โฉบไปมาอยู่รอบตัวเหมือนก๊อตได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นงานศิลปะนี่ด้วย รวมๆ แล้วนี่เป็นอีกห้องที่สวยเอาเรื่องและนอนดูเพลินจนลืมตัวลืมเวลากันเลยทีเดียว
Moss Garden of Resonating Microcosms – Solidified Light Color, Dusk to Dawn
Moss Garden of Resonating Microcosms – Solidified Light Color, Dusk to Dawn ห้องที่ภายในเต็มไปด้วยไข่สีแมททาลิกตั้งเรียงรายอยู่ในสวนมอสเขียวๆ ท่ามกลางพื้นที่ปิดที่มีแสงลอดผ่านเข้ามาในตัวห้องได้ โดยเราสามารถเข้ามาดูได้ทั้งตอนกลางวันและในยามกลางคืน ซึ่งไข่ที่เห็นจะปรับเปลี่ยนแสง สี และเสียงจะไปตามแสงอาทิตย์นั่นเอง
หากใครมาตอนกลางวันอย่างก๊อต ซึ่งจะถือเป็นช่วงพระอาทิตย์ขึ้นนั้น เราจะเจอกับไข่มากมายที่มีลักษณะเป็นวงรีโค้งมนต่างกันออกไป และเมื่อมันถูกแตะสัมผัส หรือมีสายลมพัดผ่านเข้ามากระทบ ตัวไข่เค้าจะปล่อยเสียงสะท้อนออกมา และส่งผลให้ไข่อื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ตอบสนองกันอย่างต่อเนื่อง โดยจะสะท้อนเป็นโทนเสียงเดียวกัน และในบางช่วงยังมีเอฟเฟกต์ควันลอยฟุ้งอยู่ด้วยนะ ซึ่งมันเก๋และถ่ายรูปสวยเอาเรื่องเลย
สำหรับใครเข้ามาในตอนที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ไข่เหล่านี้เค้าก็จะเปล่งแสงออกมาได้ด้วยตนเองถึง 61 เฉดสี เวลามีคนมาสัมผัสมันเข้า ไข่แต่ละใบก็จะส่องแสงเจิดจ้าและส่งเสียงออกมา คือทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับสิ่งเร้ารอบข้างเลย ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักมือในการผลัก จังหวะของคนเข้าไปแตะ รวมไปถึงสายลมที่พัดผ่านเข้ามาจากจังหวะการเข้าออกของคนดู และฝนที่ตกกระทบลงสู่หลังคา เนื่องจากพื้นที่ด้านบนของห้องนั้นเป็นเพดานกระจกใสเวลาฝนตก แดดออก บรรยากาศและแสงธรรมชาติจากภายนอกจึงสามารถลอดผ่านทะลุลงมายังไข่ได้นั่นเอง และเช่นเคยพอไข่มันถูกผลัก ถูกแตะเข้าเค้าก็จะเปล่งแสงออกมา และทำให้ไข่ใบอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงตอบสนองในแบบเดียวกันด้วยการเปล่งแสง สี และโทนเสียงแบบเดิม
ใครที่ชอบความแฟนตาซีหน่อยๆ หรือเคยดูหนังเรื่องจูลาสสิกพาร์คมาก่อน บรรยากาศของห้อง Moss Garden of Resonating Microcosms – Solidified Light Color, Dusk to Dawn เหมือนพาเราหลุดเข้าไปในรังไข่ไดโนเสาร์เป๊ะ ด้วยความที่ก๊อตไปช่วงกลางวัน ความไข่หน้าตาแปลกๆ ของเค้าจะเป็นสีแมททาลิกเงาวับตั้งนิ่งๆ อยู่บนต้นมอส แต่พอเราเข้าไปสัมผัสดูมันกลับดุ๊กดิ๊กไปมาและปล่อยเสียงออกมาได้ เป็นอีกชิ้นงานที่ก๊อตว้าวเลยแหละ นี่ว่าใครมาตอนกลางคืนบรรยากาศคงเปลี่ยนไปและสวยมากกว่านี้แน่ๆ
Floating Flower Garden: Flowers and I are of the Same Root, the Garden and I are One
ปิดท้ายกันด้วย ห้อง Floating Flower Garden: Flowers and I are of the Same Root, the Garden and I are One สวนกล้วยไม้ลอยฟ้าที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์หลักของ teamLab Planets TOKYO ซึ่งก๊อตจะบอกก่อนว่าการเข้ามาภายในห้องนี้นั้น ไม่ใช่ว่าเดินมาพร้อมกัน 20 คนแล้วจะเข้าไปได้หมดเลยนะ แต่เค้าจะปล่อยให้เราเข้าเป็นรอบๆ พร้อมจำกัดจำนวนคนด้วย เนื่องจากภายในนั้นเต็มไปด้วยต้นกล้วยไม้อยู่เยอะมาก และการเข้าชมจะต้องนั่งลงกับพื้นอย่างเดียว หากเข้าไปพร้อมกันเยอะๆ นี่ว่าคงจะไม่สะดวกและต้นกล้วยไม้อาจจะได้รับความเสียหายก็ได้
บรรยากาศภายใน Floating Flower Garden: Flowers and I are of the Same Root, the Garden and I are One เค้าจะเป็นห้องกระจกใสทั้งหมดตั้งแต่พื้น ผนัง ไล่ไปจนถึงเพดาน โดยมีต้นกล้วยไม้หลากสีทั้งขาว ม่วง และชมพูถูกแขวนอยู่บนเพดานห้อยระโยงระยางลงมายังด้านล่าง ซึ่งกล้วยไม้นั้น ส่วนใหญ่สามารถเจริญเติบโตได้ด้วยการดูดซับน้ำจากอากาศโดยไม่ต้องใช้ดิน ดังนั้น ดอกกล้วยไม้ที่เราเห็นในห้องนี้ในแต่ละวันจะมีการเจริญเติบโตที่ต่างกันออกไป
ความน่ารักคือ จังหวะที่กล้วยไม้เค้าเลื่อนลงมาข้างล่างเรื่อยๆ แล้วมีคนดูยื่นหน้าเข้าไปส่องชมความงามใกล้ๆ ดอกกล้วยไม้นั้นก็จะย้อนกลับขึ้นไปด้านบน แล้วสลับเลื่อนลงช้าๆ ในเวลาต่อมา เหมือนก๊อตกำลังนั่งมองคลื่นทะเลที่เปลี่ยนจากผืนน้ำเป็นกล้วยไม้เลย และทั้งหมดใน Floating Flower Garden: Flowers and I are of the Same Root, the Garden and I are One มันทำให้ก๊อตสัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวา และรู้สึกสดชื่นมีส่วนร่วมไปกับชิ้นงานด้วย เป็นอีกห้องใน teamLab Planets TOKYO ที่ถ่ายรูปออกมาแล้วได้ภาพสวยโคตรๆ
สรุปเลย teamLab Planets TOKYO เป็นอีกหนึ่งงานศิลปะที่ใครมาเที่ยวที่เมืองโตเกียว (Tokyo) แล้วอยากมาตามเก็บผลงานศิลปะแบบอิมเมอร์ซีฟระดับโลกนั้น ที่นี่คือควรค่าแก่การมาเที่ยวมาก เพราะนอกจากจะเข้าชมได้ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนแล้ว ภายในยังอัดแน่นไปด้วยผลงานศิลปะที่ตรงตามคอนเซ็ปต์ที่ต้องการให้คนดูได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นงาน ไม่ว่าจะด้วยภาพ เสียง แสง สี และสัมผัสต่างๆ ที่ก๊อตเจอมา มันให้อารมณ์เหมือนเราเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งในชิ้นงานนั้นจริงๆ คือเดินอยู่ในนั้นมันแพรวพราวตื่นตาตื่นใจไปหมด ความเล่นใหญ่ที่ให้เราเดินลุยน้ำ หรือการต้องมานั่งๆ นอนๆ มองดูงานศิลปะที่ลอยล่องอยู่รอบตัว เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ก๊อตประทับใจและมีความสุขมาก เอาเป็นว่าใครมาเที่ยวที่โตเกียว ไม่อยากให้พลาดที่นี่เลย
อ่านรีวิวเมืองนี้จบแล้ว
อ่านรีวิวเมืองอื่นในญี่ปุ่นต่อกันเลย 🤗
ญี่ปุ่นเป็นประเทศไม่กี่ประเทศที่นี่รู้สึกว่า ไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อ ไปแล้วไปอีกได้ตลอด และยังประเทศที่ตัวเองตั้งมิชชั่นว่า อยากจะเก็บให้หมดทั่วประเทศ ฮ่าา เอาเป็นว่า HASHCORNER นี่ก็มีรีวิวญี่ปุ่นให้อ่านและตามรอยเยอะพอสมควร ทั้งหมดนับแล้วเกือบ 50 รีวิวแล้ว เยอะโคตร ใครที่มีแพลนไปเมืองไหนในญี่ปุ่นที่มีชื่อเมืองตามลิสด้านล่าง สามารถคลิกลิงค์อ่านต่อได้เล้ย
ภูมิภาคคันโต (Kanto Region)
1. รีวิว โตเกียว (Tokyo)
2. รีวิว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)
3. รีวิว โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)
4. รีวิว Harry Potter: Warner Bros. Studio Tour Tokyo
5. รีวิว โยโกฮาม่า (Yokohama)
6. รีวิว คามาคุระ (Kamamura)
7. รีวิว นิกโก้ (Nikko)
8. รีวิว ฮาโกเน่ (Hakone)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคันไซ (Kansai Region)
9. รีวิว โอซาก้า (Osaka)
10. รีวิว Universal Studios Japan (USJ)
11. รีวิว เกียวโต (Kyoto)
12. รีวิว นารา (Nara)
13. รีวิว โกเบ (Kobe)
14. รีวิว ฮิเมจิ (Himeji)
15. รีวิว อิเสะ-ชิมะ (Ise-Shima) กำลังเขียน
16. รีวิว อิกะ อุเอโนะ (Iga Ueno) กำลังเขียน
17. รีวิว อะซุกะ (Asuka) กำลังเขียน
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูบุ (Chubu Region)
18. รีวิว คานาซาวะ (Kanazawa)
19. รีวิว ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
21. รีวิว ทาคายาม่า (Takayama)
21. รีวิว คาวากุจิโกะ (Kawaguchigo)
22. รีวิว สวนสนุก Fuji-Q Highland
23. รีวิว ยามานากะโกะ (Yamanakako)
24. รีวิว ชิซึโอกะ (Shizuoka)
25. รีวิว อิซุ (Izu) กำลังเขียน
26. รีวิว คาวาซึ (Kawazu)
27. รีวิว อิโต (Ito) กำลังเขียน
28. รีวิว อาตามิ (Atami)
29. รีวิว คารุอิซาวะ (Karuizawa)
30. รีวิว นากาโน่ (Nagano)
31. รีวิว มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคคิวชู (Kyushu Region)
32. รีวิว ฟุกุโอกะ-ดาไซฟุ (Fukuoka-Dazaifu)
33. รีวิว นางาซากิ (Nagasaki)
34. รีวิว ยูฟูอิน (Yufuin)
35. รีวิว คุมาโมโตะ (Kumamoto)
36. รีวิว ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
37. รีวิว ทาคาชิโฮ (Takachiho)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคโอกินาว่า (Okinawa Region)
38. รีวิว โอกินาว่า (Okinawa)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido Region)
39. รีวิว ซัปโปโร (Sapporo)
40. รีวิว โอตารุ (Otaru)
41. รีวิว อาซาฮิกาวะ-บิเอะ (Asahikawa-Biei)
42. รีวิว อะบาชิริ-คุชิโระ (Abashiri-Kushiro)
43. รีวิว ฮาโกดาเตะ (Hakodate)
⸺⸺⸺⸺
ภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku Region)
44. รีวิว ฮิโรชิม่า (Hiroshima)
45. รีวิว เกาะมิยาจิม่า (Miyajima)
46. รีวิว โอคายาม่า-คุราชิกิ (Okayama-Kurashiki)
⸺⸺⸺⸺
แนะนำโรงแรม / พาสรถไฟ
47. แนะนำที่พักในโตเกียว (Tokyo)
48. แนะนำที่พักในโอซาก้า (Osaka)
48. แนะนำที่พักในเกียวโต (Kyoto)
49. แนะนำที่พักในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
50. แนะนำที่พักในนิกโก้ (Nikko)
51. เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อ JR PASS
ส่วนลดจองโรงแรมจาก Agoda, Expedia, Booking และบัตรสวนสนุก ตั๋วรถไฟ กิจกรรมท่องเที่ยวจาก Klook และ KKday ปี 2025
⚡️ สำหรับใครที่กำลังจะจองที่พักและหาส่วนลดจองโรงแรมอยู่ ลองดูตามลิงค์ด้านล่างได้เลย มีทั้ง Agoda, Expedia, Booking รวมถึง Hotels.com ด้วย ประหยัดไปได้อีกเกือบ 10-20% ใช้ได้กับโรงแรมทั่วโลก
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ มีส่วนลดท็อปอัพจากบัตรเครดิตเพิ่มเกือบทุกธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต Citibank, KBANK, SCB, Krungsri, KTC, Bangkok Bank, UOB และ TMB หรือแม้แต่ส่วนลดจากค่ายมือถืออย่าง AIS, DTAC หรือ True ซึ่งส่วนลดพวกนี้จะเปลี่ยนตลอดทุกเดือน และเก๊าก็อัพเดทให้ตลอดเวลาเน้อ 🧡